คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4697/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์ร่วมชำระค่าขึ้นศาล โดยที่ไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ร่วมเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนสูงเกินสมควรหรือดำเนินคดีโดยไม่สุจริต เป็นการไม่ชอบตาม ป.วิ.อ. มาตรา 253 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 91, 288, 37 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณานายสมชาย ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตเฉพาะข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น และยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นค่าเสียหายที่มือและนิ้วซ้ายต้องพิการเป็นเงิน 500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันเกิดเหตุเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ คิดถึงวันยื่นคำร้องเป็นเงิน 17,187 บาท ค่าเสียหายที่ต้องขาดประโยชน์ทำมาหาได้เพราะไม่สามารถประกอบการงาน เป็นเงิน 110,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันเกิดเหตุเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ คิดถึงวันยื่นคำร้องเป็นเงิน 3,581,25 บาท กับค่าเสียหายเพื่อการที่ต้องเสียความสามารถประกอบการงานสิ้นเชิงนับแต่วันเกิดเหตุเป็นเวลา 24 เดือน เดือนละ 20,000 บาท รวมเป็นเงิน 480,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันเกิดเหตุเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระให้แก่โจทก์ร่วมเสร็จ
จำเลยให้การในคดีส่วนแพ่ง ขอให้ยกคำร้องของโจทก์ร่วม
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 (ที่ถูก มาตรา 371 ด้วย) พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุก 33 ปี 4 เดือน ฐานมีอาวุธปืน จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืน (ที่ถูก เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90) จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 35 ปี 4 เดือน ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ร่วมเป็นเงิน 490,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่เกิดเหตุ (วันที่ 7 สิงหาคม 2549) จนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ร่วม โดยกำหนดค่าทนายความ 15,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนเท่าที่โจทก์ร่วมชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำร้องของผู้เสียหาย (โจทก์ร่วม) ที่ขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนคดีนี้ มิให้เรียกค่าธรรมเนียม เว้นแต่ในกรณีที่ศาลเห็นว่าผู้เสียหายเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนสูงเกินสมควร หรือดำเนินคดีโดยไม่สุจริต ให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ผู้เสียหายชำระค่าธรรมเนียมทั้งหมดหรือแต่เฉพาะบางส่วนภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนดก็ได้ ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 253 วรรคหนึ่ง ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์ร่วมชำระค่าขึ้นศาล โดยที่ไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ร่วมเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนสูงเกินสมควรหรือดำเนินคดีโดยไม่สุจริต เป็นการไม่ชอบ และปรากฏว่าโจทก์ร่วมชำระค่าขึ้นศาลตามคำสั่งศาลชั้นต้น ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรสั่งคืนแก่โจทก์ร่วมนอกจากนี้ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ร่วม โดยกำหนดค่าทนายความ 15,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนเท่าที่โจทก์ร่วมชนะคดีนั้น ก็เป็นการไม่ชอบ ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ให้จำคุก 13 ปี 4 เดือน เมื่อรวมกับความผิดฐานมีอาวุธปืนและฐานพาอาวุธปืนเข้าด้วยแล้ว เป็นจำคุกจำเลย 15 ปี 4 เดือน ให้คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมดที่โจทก์ร่วมชำระแก่โจทก์ร่วม และยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาว่า กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ร่วม โดยกำหนดค่าทนายความ 15,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนเท่าที่โจทก์ร่วมชนะคดีนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8

Share