คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 469/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะฟ้องโจทก์ไม่ได้อ้างอิงและนำพยานหลักฐานมาแสดงให้เห็นว่า ศ. เป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์หรือไม่อย่างไรจำเลยไม่ทราบไม่รับรองคำให้การดังกล่าวมิได้ปฏิเสธโดยชัดแจ้งว่า ศ. ไม่มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์จึงรับฟังได้ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องคดีไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่า ศ.มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์หรือไม่แม้ศาลล่างทั้งสองจะยกประเด็นข้อนี้ขึ้นวินิจฉัยก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย จำเลยให้การว่าจำเลยขนแร่ดีบุกปนตะกั่วซึ่งไม่ใช่แร่ดีบุกจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ของกฎหมายให้ต้องชำระเงินแทนแร่เพื่อส่งเข้ามูลภัณฑ์กันชนระหว่างประเทศฉะนั้นที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ต้องชำระเงินแทนแร่เพื่อส่งเข้ามูลภัณฑ์กันชนระหว่างประเทศเพราะแร่ที่จำเลยได้รับอนุญาตขนนั้นขายให้แก่ผู้ซื้อภายในประเทศและเป็นแร่ดีบุกปนตะกั่วมีดีบุกในเปอร์เซ็นต์ต่ำจึงนอกเหนือจากคำให้การเป็นเรื่องนอกประเด็นแม้ศาลล่างทั้งสองจะยกประเด็นข้อนี้ขึ้นวินิจฉัยก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย โจทก์เป็นหน่วยงานของรัฐเรียกเก็บเงินแทนแร่เพื่อส่งเข้ามูลภัณฑ์กันชนระหว่างประเทศจากจำเลยตามอำนาจหน้าที่ที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติควบคุมแร่ดีบุกพ.ศ.2514มาตรา24โจทก์จึงมิใช่บุคคลที่ทางราชการได้ตั้งแต่งหรืออนุญาตให้จัดกิจการเฉพาะบางอย่างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา165(15)ซึ่งมีกำหนดอายุความ2ปี

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ขอให้ จำเลย ชำระ เงิน แทน แร่ เพื่อ ส่ง เข้า มูลภัณฑ์กันชนระหว่าง ประเทศ ตาม พระราชบัญญัติ ควบคุม แร่ดีบุก พ.ศ. 2514 พร้อมดอกเบี้ย
จำเลย ให้การ ต่อสู้ คดี ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษา ให้ จำเลย ชำระ เงิน แก่ โจทก์พร้อม ดอกเบี้ย ตาม ฟ้อง
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ที่ จำเลย ฎีกา ข้อ แรก ว่า โจทก์ ไม่มี อำนาจฟ้องเพราะ โจทก์ มิได้ นำสืบ ให้ ฟังได้ ว่า นาย ศิววงศ์ จังคศิริ เป็น อธิบดี ของ โจทก์ และ มีอำนาจ ดำเนินการ ฟ้องร้อง คดี แทน โจทก์ ศาลฎีกา เห็นว่าจำเลย ให้การ ใน ประเด็น ข้อ นี้ ว่า โจทก์ ไม่มี อำนาจฟ้อง เพราะ ฟ้องโจทก์ไม่ได้ อ้างอิง และ นำพยาน เอกสาร มา แสดง ให้ เห็นว่า นาย ศิววงศ์ จังคศิริ เป็น ผู้มีอำนาจ กระทำการ แทน โจทก์ หรือไม่ อย่างไร จำเลย ไม่ทราบไม่รับรอง คำให้การ จำเลย ดังกล่าว มิได้ ปฏิเสธ โดยชัดแจ้ง ว่านาย ศิววงศ์ จังคศิริ ไม่มี อำนาจ กระทำการ แทน โจทก์ จึง รับฟัง ได้ว่า โจทก์ มีอำนาจ ฟ้อง คดี ไม่มี ประเด็น ข้อพิพาท ว่า นาย ศิววงศ์ จังคศิริ มีอำนาจ กระทำการ แทน โจทก์ หรือไม่ แม้ ศาลล่าง ทั้ง สอง จะ ยก ประเด็นข้อ นี้ ขึ้น วินิจฉัย ก็ ถือไม่ได้ว่า เป็น ข้อ ที่ ยกขึ้น ว่า กัน มา แล้วโดยชอบ ศาลฎีกา ไม่รับ วินิจฉัย ให้
จำเลย ฎีกา ข้อ ต่อมา ว่า จำเลย ไม่ต้อง ชำระ เงิน แทน แร่ เพื่อ ส่งเข้า มูล ภัณ ฑ์กันชน ระหว่าง ประเทศ เพราะ แร่ ที่ จำเลย ได้รับ อนุญาตขน นั้น ขาย ให้ แก่ ผู้ซื้อ ภายใน ประเทศ และ เป็น แร่ดีบุก ปน ตะกั่วมี ดี บุกใน เปอร์เซ็นต์ ต่ำ ศาลฎีกา เห็นว่า คำให้การ ของ จำเลยอ้าง เหตุ ที่ ไม่ต้อง ชำระ เงิน แทน แร่ เพื่อ ส่ง เข้า มูลภัณฑ์ กันชน ระหว่างประเทศ ว่า จำเลย ขน แร่ดีบุก ปน ตะกั่ว ซึ่ง ไม่ใช่ แร่ดีบุก จึง ไม่ เข้าหลักเกณฑ์ ของ กฎหมาย ให้ ต้อง ชำระ เงิน แทน แร่ เพื่อ ส่ง เข้ามูลภัณฑ์กันชน ระหว่าง ประเทศ ฉะนั้น ข้อ ฎีกา ของ จำเลย ข้างต้นจึง นอกเหนือ จาก คำให้การ เป็น เรื่อง นอกประเด็น แม้ ศาลล่างทั้ง สอง จะ ยก ประเด็น ข้อ นี้ ขึ้น วินิจฉัย ก็ ถือไม่ได้ว่า เป็น ข้อ ที่ ยกขึ้น ว่า กัน มา แล้ว โดยชอบ ศาลฎีกา ไม่รับ วินิจฉัย เช่นเดียวกัน
จำเลย ฎีกา ข้อ สุดท้าย ว่า ฟ้องโจทก์ ขาดอายุความเพราะ คดี นี้ เป็น เรื่อง ที่ โจทก์ ออก เงินทดรอง แทน จำเลย เพื่อ ชำระ เงินเข้า มูลภัณฑ์กันชน ระหว่าง ประเทศ มี อายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(15) ศาลฎีกา เห็นว่าโจทก์ เป็น หน่วยงานของรัฐ เรียกเก็บเงิน จาก จำเลย ตาม อำนาจ หน้าที่ที่ บัญญัติ ไว้ ใน พระราชบัญญัติ ควบคุม แร่ดีบุก พ.ศ. 2514 มาตรา 24โจทก์ จึง มิใช่ บุคคล ที่ ทางราชการ ได้ ตั้งแต่ง หรือ อนุญาต ให้ จัด กิจการเฉพาะ บางอย่าง ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(15)ซึ่ง มี กำหนด อายุความ 2 ปี ดัง ที่ จำเลย ฎีกา
พิพากษายืน

Share