คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 467/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์ได้ระบุชื่อจำเลยในช่องขอยื่นฟ้องจากเพศหญิงเป็นเพศชายซึ่งไม่ตรงกับที่ระบุไว้ในช่องคู่ความตามที่ระบุว่าเป็นเพศหญิง ในวันที่ศาลชั้นต้นอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังและบันทึกคำให้การของจำเลยได้ระบุชื่อจำเลยเป็นเพศหญิง จำเลยไม่ได้โต้แย้งคัดค้านว่าไม่ถูกต้องหรือโจทก์ฟ้องผิดคน เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาได้ระบุเพศจำเลยเป็นหญิงตลอด ดังนั้นการที่เจ้าหน้าที่พิมพ์ดีดพิมพ์ฟ้องในช่องขอยื่นฟ้องจำเลยระบุเป็นเพศชายจึงเป็นความบกพร่องผิดพลาดเล็กน้อยที่โจทก์ไม่ได้ตรวจพบและแก้ไขให้ถูกต้องเสียก่อน แต่ก็ไม่ทำให้ฟ้องโจทก์ไม่สมบูรณ์ กัญชาที่กล่าวหาว่าจำเลยครอบครองและจำหน่ายเป็นกัญชาจำนวนเดียวกัน การกระทำความผิดของจำเลยจึงมิใช่เป็นการกระทำหลายกรรมต่างกันตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และกัญชาที่จำเลยมีไว้ในความครอบครองและจำหน่ายมีน้ำหนักเพียง 15.8 กรัม โดยสภาพความผิดไม่ถึงกับร้ายแรงมาก แม้จำเลยจะเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ก็ปรากฏว่าจำเลยไม่ได้รับโทษจำคุกเพราะคดีดังกล่าวศาลให้รอการลงโทษไว้ จึงสมควรให้โอกาสจำเลยอีกครั้งเพื่อกลับตัวเป็นพลเมืองดีโดยรอการลงโทษและคุมความประพฤติจำเลยไว้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 26, 75, 76, 102 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91, 58 ริบของกลาง คืนธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อแก่เจ้าของ และนำโทษที่รอไว้ทั้งสองคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเคยต้องโทษและศาลรอการลงโทษจริงตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26 วรรคแรก, 75 วรรคแรก, 76 วรรคแรกเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต จำคุก 8 เดือน ฐานจำหน่ายกัญชาจำคุก 2 ปี รวมจำคุก 2 ปี 8 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 4 เดือนบวกโทษที่รอไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 574/2535 และ 1453/2535 ของศาลชั้นต้น จำคุกอีก4 เดือน รวมเป็นจำคุก 1 ปี 8 เดือน ริบกัญชาของกลางและคืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์ฟ้องนายยุพิน ใจมี มิใช่จำเลยซึ่งเป็นหญิง ขอให้ยกฟ้องหรือลงโทษจำเลยในสถานเบา และรอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ฟ้องโจทก์ได้ระบุชื่อจำเลยในช่องขอยื่นฟ้องจากเพศหญิงเป็นเพศชายซึ่งไม่ตรงกับที่ระบุไว้ในช่องคู่ความตามที่ระบุว่า เป็นเพศหญิงในวันที่ศาลชั้นต้นอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟัง และบันทึกคำให้การของจำเลยได้ระบุชื่อจำเลยเป็นเพศหญิง จำเลยไม่ได้โต้แย้งคัดค้านว่า ไม่ถูกต้องหรือโจทก์ฟ้องผิดคน เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาได้ระบุเพศจำเลยเป็นหญิงตลอดดังนั้นการที่เจ้าหน้าที่พิมพ์ดีดพิมพ์ฟ้องในช่องขอยื่นฟ้องจำเลยระบุเป็นเพศชายจึงเป็นความบกพร่องผิดพลาดเล็กน้อยที่โจทก์ไม่ได้ตรวจพบและแก้ไขให้ถูกต้องเสียก่อนแต่ไม่ทำให้ฟ้องโจทก์ไม่สมบูรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้นชอบแล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ศาลล่างทั้งสองเรียงกระทงลงโทษนั้นไม่ถูกต้อง เพราะตามฟ้องโจทก์ กัญชาที่กล่าวหาว่าจำเลยครอบครองและจำหน่ายเป็นกัญชาจำนวนเดียวกัน การกระทำความผิดของจำเลยจึงมิใช่เป็นการกระทำหลายกรรมต่างกันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง และที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำคุกโดยไม่รอการลงโทษให้จำเลยนั้นเนื่องจากกัญชาที่จำเลยมีไว้ในครอบครองและจำหน่ายมีน้ำหนักเพียง 15.8 กรัมโดยสภาพความผิดไม่ถึงกับร้ายแรงมาก แม้จำเลยจะเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ก็ปรากฏว่าจำเลยยังไม่ได้รับโทษจำคุกเพราะคดีดังกล่าวศาลให้รอการลงโทษไว้ ศาลฎีกาเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยอีกครั้งหนึ่งเพื่อกลับตัวเป็นพลเมืองดี โดยรอการลงโทษให้จำเลยและคุมความประพฤติไว้แต่เพื่อให้จำเลยหลาบจำเห็นควรลงโทษปรับจำเลยด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำผิดของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานจำหน่ายกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ลงโทษปรับ 20,000 บาท อีกสถานหนึ่ง จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 และคุมความประพฤติจำเลยโดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ ณ สถานที่ที่ศาลชั้นต้นกำหนดเดือนละ 1 ครั้ง ตลอดเวลาที่คุมความประพฤติเมื่อรอการลงโทษจำคุกให้จำเลย จึงไม่บวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อน หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share