คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 467/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เคยฟ้อง ก.ว่าผิดสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ และฟ้อง ด.ให้รับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกัน ปรากฏว่าโจทก์มิได้แสดงอำนาจฟ้องว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้ ข.เป็นผู้ทำหนังสือสัญญาเช่าซื้อและหนังสือค้ำประกันแทนโจทก์ ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์นำสืบในประเด็นข้อนี้ไม่ได้จึงวินิจฉัยว่าโจทก์มิใช่คู่สัญญากับ ก. และ ด.จำเลย และพิพากษายกฟ้องโดยยังมิได้วินิจฉัยว่า ก.ผิดสัญญาเช่าซื้อ และ ด.ผิดสัญญาค้ำประกันจริงหรือไม่อันเป็นเรื่องโจทก์แสดงอำนาจฟ้องไม่ถูกต้อง โจทก์จึงมาฟ้อง ด.เป็นจำเลยในคดีนี้ให้รับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกันโดยแสดงอำนาจฟ้องมาถูกต้องว่า ได้มอบอำนาจให้ ช.เป็นตัวแทนของโจทก์ในการนี้ พร้อมกับแนบหนังสือมอบอำนาจและกรรมการผู้มีอำนาจของโจทก์มาครบถ้วน คดีของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายได้มอบอำนาจให้นายเชวง ชีวานนท์ เป็นผู้ลงชื่อในหนังสือสัญญาเช่าซื้อแทนโจทก์ และจำเลยเป็นผู้ค้ำประกันให้สัญญาว่ายอมรับผิดร่วมกับนายกำพล กอบน้ำเพ็ชร ผู้เช่าซื้อ ผู้เช่าซื้อได้ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อและไม่ส่งรถที่เช่าซื้อคืนโจทก์ในสภาพที่เรียบร้อยตามสัญญา ทำให้โจทก์เสียหายต้องซ่อมรถเป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท และขาดประโยชน์รายได้จากการนำรถออกให้เช่าเป็นเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท ได้ทวงถามให้ผู้เช่าซื้อชำระค่าเสียหายและค่าขาดประโยชน์รายได้แล้วแต่ไม่ชำระ คงชำระแต่เพียงค่าซ่อมรถขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์เคยฟ้องจำเลยและศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์มาฟ้องจำเลยอีกจึงเป็นฟ้องซ้ำ จำเลยให้การปฏิเสธความรับผิดอีกหลายประการ และค่าเสียหายที่โจทก์ฟ้องขาดอายุความแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์แถลงรับในวันชี้สองสถานว่าโจทก์เคยฟ้องจำเลยครั้งหนึ่งแล้ว ศาลแพ่งวินิจฉัยว่าโจทก์มิใช่คู่สัญญากับผู้เช่าซื้อ คดีถึงที่สุดแล้ว มูลฟ้องในคดีนี้กับมูลฟ้องในคดีแพ่งดังกล่าวอาศัยสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันฉบับเดียวกัน ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงสั่งงดสืบพยานโจทก์พยานจำเลยแล้ววินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์เคยฟ้องนายกำพล กอบน้ำเพ็ชร ว่าผิดสัญญาเช่าซื้อและนายดุสิต เก่าเจริญ จำเลยในคดีนี้ให้รับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกัน ปรากฏว่าโจทก์มิได้แสดงอำนาจฟ้องว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้นายเชวง ชีวานนท์ เป็นผู้ทำหนังสือสัญญาเช่าซื้อและหนังสือค้ำประกันแทนโจทก์ โจทก์ได้ส่งหนังสือมอบอำนาจต่อศาลในวันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่สืบก่อน ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์นำสืบในประเด็นข้อนี้ไม่ได้ วินิจฉัยว่าโจทก์มิใช่คู่สัญญากับจำเลย และพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยยังมิได้วินิจฉัยว่านายกำพล กอบน้ำเพ็ชรผิดสัญญาเช่าซื้อ และนายดุสิต เก่าเจริญ ผิดสัญญาค้ำประกันจริงหรือไม่ อันเป็นเรื่องโจทก์แสดงอำนาจฟ้องไม่ถูกต้อง โจทก์จึงมาฟ้องนายดุสิต เก่าเจริญ เป็นคดีนี้ให้รับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกัน โดยแสดงอำนาจฟ้องมาถูกต้องว่าได้มอบอำนาจให้นายเชวง ชีวานนท์ เป็นตัวแทนของโจทก์ในการนี้ พร้อมกับแนบหนังสือมอบอำนาจและกรรมการผู้มีอำนาจของโจทก์มาครบถ้วน คดีของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๘
พิพากษายกคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไป

Share