แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีเดิมต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงแม้จะเกิดกรณีพิพาทในชั้นบังคับคดี โดยมีทุนทรัพย์เกิดขึ้นใหม่เกิน 2,000 บาท ซึ่งถ้าเป็นคดีพิพาทกันในเบื้องต้นจะอุทธรณ์ข้อเท็จจริงได้ก็ตามการดำเนินคดีในชั้นบังคับคดี ก็ยังต้องถือคดีเดิม จะอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงไม่ได้(คำสั่งคำร้องที่ 68/2499)
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องเช่าของโจทก์โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยและบริวารยอมออกจากห้องแถวของโจทก์ภายในกำหนด 6 เดือน นับจากวันทำสัญญายอมโจทก์ยอมให้ค่าขนย้ายแก่จำเลย 6,000 บาท โดยนำเงินมาวางศาลไว้และยอมให้จำเลยรับไปได้ครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งให้รับเมื่อจำเลยออกจากห้องรายพิพาทเรียบร้อยแล้ว หากจำเลยและบริวารไม่ยอมออกไปภายในกำหนดจำเลยยอมคืนเงินที่รับไป และหมดสิทธิรับเงินงวดหลัง
จำเลยรับเงินงวดแรกไปแล้ว ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยและบริวารไม่ออกจากห้องรายพิพาท ขอให้จำเลยคืนเงินที่รับไปและหมดสิทธิรับเงินงวดหลัง
จำเลยคัดค้านว่า ได้ออกจากห้องพิพาทไปแล้ว แต่โจทก์ไม่ยอมรับมอบ ขอให้โจทก์มอบเงินงวดหลังให้จำเลย
ศาลแพ่งไต่สวนแล้วเชื่อว่า จำเลยออกจากห้องพิพาทแล้ว ให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า อุทธรณ์ต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงให้ยกอุทธรณ์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีเดิมต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริง แม้จะเกิดกรณีพิพาทในชั้นบังคับคดีโดยมีทุนทรัพย์เกิดขึ้นใหม่เกิน 2,000 บาท ซึ่งถ้าเป็นคดีพิพาทกันในเบื้องต้นจะอุทธรณ์ข้อเท็จจริงได้ก็ตามการดำเนินคดีในชั้นบังคับคดีก็ยังต้องถือตามคดีเดิมจะอุทธรณ์ข้อเท็จจริงไม่ได้
พิพากษายืน