คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4657/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีฟ้องให้ส่งมอบที่ดินตามสัญญาซื้อขาย เป็นคดีเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ ต้องยื่นคำฟ้องต่อศาลชั้นต้นที่ที่ดินนั้นตั้งอยู่ แต่ถ้าโจทก์ประสงค์จะยื่นคำฟ้องนี้ต่อศาลชั้นต้นที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล โจทก์ก็ต้องยื่นคำร้องต่อศาลนั้นพร้อมกับคำฟ้องแสดงให้เห็นว่าการพิจารณาคดีในศาลนั้นจะเป็นการสะดวก เพื่อให้ศาลดังกล่าวไว้ดุลยพินิจอนุญาตเสียก่อนที่จะรับคำฟ้อง โจทก์จะยกเหตุเช่นนี้ขึ้นกล่าวอ้างในภายหลังในชั้นฎีกาโดยให้ถือเป็นคำร้องดังกล่าวหาได้ไม่

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยไปรับมอบที่ดินตามสัญญาที่จำเลยทำกับนายวิชัย ทองเหลือง และนำมาส่งมอบให้แก่โจทก์ตามสัญญาซื้อขายสิทธิครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าวที่จำเลยทำไว้กับโจทก์
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งไม่รับคำฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ตามสภาพแห่งคำฟ้องเป็นคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยส่งมอบที่ดินแปลงหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอตะกั่วป่าให้แก่โจทก์ตามสัญญาซื้อขายเป็นการฟ้องเรียกเอาที่ดินอันเป็นการบังคับเอาจากตัวทรัพย์โดยตรงจึงเป็นคำฟ้องเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๔ บัญญัติว่า “เว้นแต่จะได้มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น การยื่นคำฟ้องนั้น ต้องอยู่ในบังคับแห่งบทบัญญัติดังต่อไปนี้ (๑) คำฟ้องเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์หรือสิทธิหรือประโยชน์ใด ๆ อันเกี่ยวกับทรัพย์เหล่านั้นให้เสนอต่อศาลที่ทรัพย์เหล่านั้นตั้งอยู่ในเขตศาล แต่ถ้าโจทก์มีความประสงค์ที่จะยืนคำฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลนั้น เมื่อโจทก์ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องแสดงให้เห็นว่า การพิจารณาคดีในศาลนั้น ๆ จะเป็นการสะดวก ศาลจะใช้ดุลพินิจอนุญาตให้โจทก์ยื่นคำฟ้องตามที่ขอนั้นก็ได้ ฯลฯ” ฉะนั้นเมื่อปรากฏว่าที่ดินที่โจทก์ฟ้องเรียกตั้งอยู่ที่อำเภอตะกั่วป่า อยู่ในเขตอำนาจศาลจังหวัดตะกั่วป่า โจทก์จึงต้องยื่นคำฟ้องต่อศาลจังหวัดตะกั่วป่า แต่โจทก์กลับยื่นฟ้องคดีต่อศาลจังหวัดภูเก็ต ศาลจังหวัดภูเก็ตจึงชอบที่จะไม่รับคำฟ้องของโจทก์ได้ แม้ว่าศาลจังหวัดภูเก็ตจะเป็นศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล แต่ตามบทกฎหมายดังกล่าว หากโจทก์ประสงค์จะยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล โจทก์ก็ต้องยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดภูเก็ตพร้อมกับคำฟ้องแสดงให้เห็นว่าการพิจารณาคดีในศาลจังหวัดภูเก็ตจะเป็นการสะดวก เพื่อที่ศาลจังหวัดภูเก็ตจะได้ใช้ดุลพินิจอนุญาตเสียก่อนที่จะรับคำฟ้อง ซึ่งโจทก์ก็มิได้ยื่นคำร้องดังกล่าวแต่อย่างใด เพิ่งจะมากล่าวอ้างในชั้นฎีกาว่า ถ้ามีการพิจารณาที่ศาลจังหวัดภูเก็ตจะเป็นการสะดวกเพราะมูลคดีได้เกิดในเขตศาลดังกล่าว เอกสารต่าง ๆ ที่โจทก์ไว้อ้าง คู่ความ และพยานบุคคลต่าง ๆ ก็อยู่ในเขตศาลนั้น โดยให้ถือเป็นคำร้องดังกล่าว จึงหาชอบด้วยกระบวนพิจารณาไม่ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share