แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ตกลงแลกเปลี่ยนที่พิพาทกับที่ดินของจำเลย ขณะตกลงแลกเปลี่ยนโจทก์ยังไม่มีสิทธิในที่พิพาท และที่พิพาทเป็นทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมที่บิดายกให้โจทก์ ข้อตกลงดังกล่าวจึงไม่มีผลเป็นการแลกเปลี่ยน ทั้งเป็นการจำหน่ายจ่ายโอนมรดกก่อนเจ้ามรดกตาย ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1619 แต่ภายหลังที่บิดาตายแล้วจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทเป็นของตนตลอดมาโดยโจทก์ไม่เกี่ยวข้อง ย่อมเป็นปริยายว่าโจทก์สละสิทธิครอบครองที่พิพาทให้แก่จำเลยภายหลังที่ที่พิพาทตกเป็นของโจทก์แล้ว โดยมีเจตนาแลกเปลี่ยนที่ดินกันดังเดิม จำเลยย่อมได้สิทธิครอบครองที่พิพาท โจทก์ต้องไปจดทะเบียนการโอนที่พิพาทให้จำเลย และจำเลยต้องไปจดทะเบียนโอนที่นาของตนที่แลกเปลี่ยนกับที่พิพาทให้โจทก์
ศาลล่างพิพากษาบังคับโจทก์โดยไม่บังคับจำเลยให้โอนที่ดินให้โจทก์ตามข้อตกลงแลกเปลี่ยนไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 369 แม้โจทก์จะมิได้อุทธรณ์ฎีกาในข้อนี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ให้ถูกต้องได้ เพราะเป็นการชำระหนี้ตามสัญญาต่างตอบแทน (เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 2430/2516)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน บิดาถึงแก่กรรมแล้ว ขณะบิดามีชีวิตอยู่ได้ทำพินัยกรรมยกที่นา ๑ แปลงให้โจทก์ เมื่อบิดาถึงแก่กรรมแล้วโจทก์เข้าครอบครองทำกินตลอดมา จำเลยขัดขวางและบุกรุกเข้าทำนาในที่ดินดังกล่าวทั้งแปลง ขอให้ศาลพิพากษาห้ามจำเลยและบริวารมิให้เข้ามาเกี่ยวข้องและให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ที่พิพาทโจทก์ตกลงแลกเปลี่ยนกับที่ดินอีกแปลงหนึ่งซึ่งโจทก์จำเลยและนางมิดร่วมกันซื้อตั้งแต่ก่อนบิดาถึงแก่กรรมให้โจทก์ครอบครองทำกินในที่ดินแปลงนั้นไปพลางก่อน ส่วนที่พิพาทให้จำเลยและนามิดแบ่งกันครอบครองทำกินคนละ ๕ ไร่ เมื่อโจทก์ได้ที่พิพาทมาโดยสมบูรณ์แล้วจึงไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์กัน ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ๑ ปี โจทก์ไม่เสียหาย ขอให้บังคับโจทก์ไปทำนิติกรรมการโอนที่พิพาทให้แก่จำเลย
นางมิดขอเข้าเป็นจำเลยร่วม
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า เดิมโจทก็เช่าที่ดินที่ว่าร่วมกันซื้อนั้นจากจำเลยทั้งสอง ต่อมาจำเลยตกลงขายส่วนของจำเลยให้โจทก์แล้วไม่ขาย แต่จะแลกกับที่พิพาทโจทก์ไม่ยอม จำเลยจึงบุกรุกเข้าทำนาในที่พิพาท การตกลงใด ๆ ก่อนที่พิพาทจะเป็นของโจทก์ไม่มีผล
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ จำเลยและจำเลยร่วมพูดแลกเปลี่ยนที่ดินกันตั้งแต่นายสุ่มพูดจะยกที่พิพาทให้โจทก์ โดยมอบการครอบครองที่ดินให้กันและกัน เมื่อที่พิพาทตกมาเป็นของโจทก์ตามพินัยกรรม โจทก์ จำเลย และจำเลยร่วมยังคงครอบครองทำกินต่อไปไม่เกี่ยวข้องกัน ถือได้ว่ายังมีความตั้งใจแลกเปลี่ยนกันตามเดิม โจทก์สละเจตนาครอบครองที่พิพาทและมอบการครอบครองให้จำเลยและจำเลยร่วม แม้นิติกรรมการแลกเปลี่ยนที่ดินไม่ถูกแบบก็ใช้ได้ โจทก์หมดสิทธิในที่พิพาท ไม่ต้องวินิจฉัยเรื่องอายุความ พิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ไปจัดการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อจำเลย จำเลยร่วมเป็นเจ้าของที่พิพาทต่อนายอำเภอเพชรบูรณ์ หากไม่ไปก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์จำเลยเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่ามีเอกสาร น.ส. ๓ เลขที่ ๖๔ บิดาทำพินัยกรรมยกให้โจทก์เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๑ และบิดาถึงแก่กรรมในปี ๒๕๑๒ นาทุ่งหินปูนเนื้อที่ ๑๘ ไร่ กับที่อาศัยประมาณ ๒ ไร่ เป็นที่ดินมือเปล่ามีเอกสาร น.ส. ๓ เลขที่ ๖๐๘ โจทก์ จำเลยและจำเลยร่วมมีชื่อเป็นเจ้าของร่วมกัน นาแปลงนี้ซื้อมาจากนายธูปเมื่อปี ๒๕๑๐ ซื้อแล้วโจทก์ไปทำนาทุ่งหินปูนนับแต่ปี ๒๕๑๐ เป็นต้นมาจนบัดนี้ โจทก์เสียภาษีบำรุงท้องที่นาทุ่งหินปูน ฝ่ายจำเลยและจำเลยร่วมเสียภาษีบำรุงท้องที่นาพิพาทตลอดมา ตามพฤติการณ์ฟังได้ดังที่จำเลยและจำเลยร่วมนำสืบว่า โจทก์ตกลงแลกเปลี่ยนที่พิพาทกับที่นาทุ่งหินปูนส่วนของจำเลยและจำเลยร่วมเมื่อทราบว่าบิดาจะยกที่พิพาทให้โจทก์ตั้งแต่ปี ๒๕๑๐ โดยโจทก์เข้าครอบครองทำกินนาทุ่งหินปูน ส่วนจำเลยและจำเลยร่วมครอบครองทำกินที่พิพาท โดยมีข้อตกลงโอนที่ดินแก่กันเมื่อที่พิพาทเป็นสิทธิของโจทก์
ส่วนปัญหาที่ว่าการแลกเปลี่ยนที่ดินมีผลตามกฎหมายหรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่าขณะตกลงแลกเปลี่ยนโจทก์ไม่มีสิทธิในที่พิพาท ทั้งที่พิพาทเป็นทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมที่บิดายกให้โจทก์ ข้อตกลงดังกล่าวจึงไม่มีผลเป็นการแลกเปลี่ยนทั้งขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๑๙ เพราะเป็นการจำหน่ายจ่ายโอนมรดกก่อนเจ้ามรดกตาย แต่ภายหลังที่บิดาตายแล้วจำเลยและจำเลยร่วมยังคงครอบครองที่พิพาทเป็นของตนตลอดมา โดยโจทก์ไม่เกี่ยวข้อง ย่อมเป็นปริยายว่าโจทก์ได้สละสิทธิครอบครองที่พิพาทให้แก่จำเลยและจำเลยร่วมภายหลังที่ที่พิพาทตกเป็นของโจทก์แล้ว โดยมีเจตนาแลกเปลี่ยนที่ดินกันดังเดิม จำเลยและจำเลยร่วมย่อมได้สิทธิครอบครองที่พิพาท โจทก์ต้องไปจดทะเบียนการโอนที่พิพาทให้จำเลยและจำเลยร่วม แต่ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาบังคับโจทก์โดยไม่บังคับจำเลยและจำเลยร่วมให้โอนนาทุ่งหินปูนส่วนของตนให้แก่โจทก์ตามข้อตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกันดังเดิม จำเลยและจำเลยร่วมย่อมได้สิทธิครอบครองที่พิพาท โจทก์ต้องไปจดทะเบียนการโอนที่พิพาทให้จำเลยและจำเลยร่วม แต่ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาบังคับโจทก์โดยไม่บังคับจำเลยและจำเลยร่วมให้โอนนาทุ่งหินปูนส่วนของตนให้แก่โจทก์ตามข้อตกลงแลกเปลี่ยน ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๖๙ แม้โจทก์จะมิได้อุทธรณ์ฎีกาในข้อนี้ ศาลฎีกาแก้ให้ถูกต้องได้ เพราะเป็นการชำระหนี้ตามสัญญาต่างตอบแทน เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ ๒๔๓๐/๒๕๑๖ ระหว่างนายบัว ช้างเจริญ โจทก์ นายผล แสนจินดา จำเลย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยและจำเลยร่วมจดทะเบียนโอนนาทุ่งหินปูน