แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นลูกจ้างของโรงงานน้ำตาลสุพรรณบุรีอันเป็นโรงงานของบริษัทส่งเสริมเศรษฐกิจแห่งชาติจำกัด ซึ่งรัฐบาลมีทุนเกินกว่าร้อยละห้าสิบ. โดยจำเลยมีหน้าที่ซ่อมเครื่องจักรของโรงงานฯ. แต่ในระหว่างเกิดคดีนี้ได้รับคำสั่งจากผู้จัดการให้เป็นพนักงานชั่งอ้อยของโรงงาน. จำเลยมีรายได้ประจำจากโรงงาน. ดังนี้ ถือว่าจำเลยเป็นพนักงานตามความหมายของมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502.และการที่จำเลยได้ทำการชั่งอ้อยที่มีผู้นำมาส่งหรือขายให้แก่โรงงานนั้น. ได้ชื่อว่าจำเลยมีหน้าที่ทำ หรือจัดการทรัพย์ใดๆ ตามความหมายใน มาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัตินี้. การที่จำเลยถือโอกาสชั่งอ้อยจำนวนเดียวโดยโยกคันชั่ง 2 ครั้ง เป็นเหตุให้ได้สลิพการชั่งอ้อยเกินมา 1 ชุด. แล้วนำสลิพที่ได้เกินมานั้นไปใช้เป็นหลักฐาน ว่าเป็นการชั่งอ้อยของผู้มีชื่อในวันถัดมา. อันจะทำให้โรงงานต้องจ่ายเงินให้แก่ผู้มีชื่อเกินกว่าที่จะต้องจ่าย. หากมีผู้พบปะทราบการกระทำนั้นเสียก่อนที่โรงงานจะจ่ายเงินถือว่าเป็นความผิด.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานของโรงงานน้ำตาลสุพรรณบุรีอันเป็นโรงงานของบริษัทส่งเสริมเศรษฐกิจแห่งชาติจำกัด รัฐบาลถือหุ้นเกินกว่าร้อยละห้าสิบ จำเลยกระทำการด้วยใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริตชั่งโกงน้ำหนักอ้อย โดยเจตนาจะให้โรงงานน้ำตาลสุพรรณบุรีต้องจ่ายเงินเกินกว่าที่จะต้องจ่าย แต่พนักงานโรงงานน้ำตาลสุพรรณบุรีพบการกระทำผิดของจำเลยเสียก่อนที่จะต้องจ่ายเงินไป การกระทำผิดของจำเลยจึงไม่บรรลุผลขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502มาตรา 3, 8 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 3, 8 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80ให้จำคุก 4 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยเป็นลูกจ้างประจำของโรงงานน้ำตาลสุพรรณบุรี อันเป็นโรงงานของบริษัทส่งเสริมเศรษฐกิจแห่งชาติจำกัด ซึ่งรัฐบาลมีทุนเกินกว่าร้อยละห้าสิบ โดยจำเลยทำหน้าที่ซ่อมเครื่องจักรของโรงงานฯ แต่ในระหว่างเกิดคดีนี้ได้รับคำสั่งจากผู้จัดการให้เป็นพนักงานชั่งอ้อยของโรงงานฯ จำเลยมีรายได้ประจำจากโรงงานฯ ดังนี้ ถือว่าจำเลยเป็น “พนักงาน” ตามความหมายของมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติที่กล่าวข้างต้น และการที่จำเลยได้รับมอบหมายแต่งตั้งจากผู้จัดการของโรงงานฯ ได้ทำการชั่งอ้อที่มีผู้นำมาส่งหรือขายให้แก่โรงงานฯ นั้น ก็ได้ชื่อว่าจำเลยมีหน้าที่ทำหรือจัดการทรัพย์ใด ๆ ตามความหมายในมาตรา 8 การที่จำเลยถือโอกาสในการมีหน้าที่ชั่งอ้อยโดยทำการชั่งอ้อยของนายกัง โยกคันชั่ง 2 ครั้งเป็นเหตุให้ได้สลิพการชั่งอ้อยเกินมา1 ชุดแล้วนำสลิพที่ได้เกินมา 1 ชุดนั้นไปใช้เป็นหลักฐานว่าเป็นการชั่งอ้อยของนางประทุมในวันถัดมาอันจะทำให้โรงงานฯ ต้องจ่ายเงินให้แก่นางประทุมเกินกว่าที่จะต้องจ่ายไป 300 บาทเศษ หากแต่มีผู้พบปะทราบการกระทำนั้นเสียก่อนที่โรงงานฯ จะต้องจ่ายเงินค่าอ้อยให้นางประทุมเช่นนี้ การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิด พิพากษากลับ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.