คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4615/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ใช้เครื่องหมายการค้ารูปตัวอักษรโรมันคำ ‘พี คิว’ ซึ่งเป็นของบริษัทในสหรัฐอเมริกากับสินค้าน้ำมันเครื่องและผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำมันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 ขณะนั้นจำเลยยังเป็นลูกจ้างของโจทก์ จำเลยยังไม่เคยใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวเลย เช่นนี้ ในระหว่างโจทก์กับจำเลย โจทก์จึงมีสิทธิในเครื่องหมายการค้าพิพาทดีกว่าจำเลย การที่จำเลยนำเครื่องหมายการค้าพิพาทไปยื่นขอจดทะเบียนโดยรู้ถึงสิทธิของโจทก์ จึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลย และการที่บริษัทต่างประเทศผู้เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าไม่ได้มอบอำนาจให้โจทก์ฟ้องคดีนี้หาได้กระทบกระเทือนถึงสิทธิของโจทก์ไม่ เพราะโจทก์ฟ้องคดีตามสิทธิและในนามของตนเอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ใช้เครื่องหมายการค้ารูปตัวอักษรโรมันคำ ‘พี คิว’ กับสินค้าน้ำมันเครื่อง และผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง มาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๓ จนถึงปัจจุบันนี้อย่างแพร่หลายทั่วราชอาณาจักรแต่เพียงผู้เดียว จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์มาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๓ จนถึงเดือนธันวาคม ๒๕๒๕ ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขายระหว่างเวลาดังกล่าวจำเลยมีเจตนาไม่สุจริตได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารูปตัวอักษรโรมันคำ ‘พี คิว’ ต่อนายทะเบียนเครื่องหมายการค้า และปกปิดไม่แจ้งให้โจทก์ทราบ เมื่อโจทก์ไปยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวก็ได้รับหนังสือแจ้งจากนายทะเบียนว่าเครื่องหมายการค้าที่โจทก์ยื่นขอจดทะเบียนนั้นได้มีผู้ที่ยื่นขอจดทะเบียนไว้แล้ว เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารูปตัวอักษรโรมันคำ ‘พี คิว’ ซึ่งจำเลยได้ยื่นขอจดทะเบียนไว้ตามคำขอเลขที่ ๑๒๔๕๘๖ และ ๑๒๗๑๒๐ และให้โจทก์แต่ผู้เดียวเป็นผู้มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าดังกล่าว
จำเลยให้การว่า โจทก์มิใช่เจ้าของเครื่องหมายการค้าดังกล่าวเพราะบริษัทในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าของ โจทก์เพียงแต่ได้รับคำยินยอมให้ใช้เครื่องหมายการค้าในประเทศไทยเท่านั้นจึงไม่มีอำนาจฟ้องบริษัทในสหรัฐอเมริกามอบอำนาจให้จำเลยมีอำนาจจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศไทย จำเลยมิได้ทำละเมิดในสิทธิเครื่องหมายการค้าของโจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้เพิกถอนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าพิพาทรูปตัวอักษรโรมันคำ ‘พี คิว’ ซึ่งจำเลยได้ยื่นไว้ตามคำขอเลขที่ ๑๒๔๕๘๖ และ ๑๒๗๑๒๐ ต่อนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าเสีย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า เครื่องหมายการค้ารูปตัวอักษรโรมันคำ ‘พี คิว’ ที่พิพาทกันในคดีนี้ เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทอเมริกันออยล์แอนด์ซัพพลายอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ประดิษฐ์ขึ้นใช้กับสินค้าประเภทน้ำมันเครื่องและผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง โจทก์สั่งสินค้าดังกล่าวจากบริษัทดังกล่าวซึ่งมีเครื่องหมายการค้าพิพาทเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๓ และขณะนั้นจำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ มีตำแหน่งครั้งสุดท้ายเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย ระหว่างจำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ จำเลยได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าพิพาทเป็นของตน ต่อมาโจทก์ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าพิพาทต่อนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าบ้าง แต่นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าไม่สามารถดำเนินการจดทะเบียนให้โจทก์ได้
แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่ามีปัญหาในชั้นนี้ตามฎีกาของจำเลยเฉพาะข้อกฎหมายเพียงข้อเดียวว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าพิพาทหรือไม่เห็นว่า จากข้อเท็จจริงที่ฟังยุติแล้วว่าโจทก์ได้ใช้เครื่องหมายการค้าพิพาทกับสินค้าน้ำมันเครื่องและผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำมันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๓ ขณะที่จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์อยู่ แสดงว่าโจทก์ได้ใช้เครื่องหมายการค้าพิพาทมาก่อนจำเลย ส่วนจำเลยไม่เคยใช้เครื่องหมายการค้าพิพาทเลยฉะนั้น ในระหว่างโจทก์กับจำเลย โจทก์จึงมีสิทธิในเครื่องหมายการค้าพิพาทดีกว่าจำเลย และข้อที่จำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์อยู่ในขณะที่จำเลยยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าพิพาท แสดงว่าจำเลยรู้ถึงสิทธิของโจทก์เป็นอย่างดี การขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยจึงเป็นการกระทำที่ไม่สุจริต เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลย การที่บริษัทอเมริกันออยล์แอนด์ซัพพลายอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าพิพาทไม่ได้มอบอำนาจให้โจทก์ฟ้องคดีนี้ หาได้กระทบกระเทือนถึงสิทธิของโจทก์แต่อย่างใดไม่เพราะโจทก์ฟ้องคดีตามสิทธิของตนเองในนามของตนเอง โจทก์จึงหาจำต้องเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าพิพาทไม่
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาแทนโจทก์ ๖๐๐ บาท.

Share