แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเช่าห้องพิพาทใช้เป็นที่เก็บสินค้าและสัมภาระซึ่งมีไว้ขาย แม้จะมีบริวารของจำเลยหลับนอนในห้องพิพาทก็เพื่อเฝ้าดูแลรักษาสินค้า เพื่อประโยชน์ในทางการค้าของจำเลย ห้องพิพาทจึงไม่เป็นที่อยู่อาศัย จำเลยจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยอ้างว่าอาศัย แต่เท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยเช่าแต่ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 ดังนี้ แม้โจทก์จะกล่าวถึงมูลกรณีเดิมว่าจำเลยเข้าอยู่ทีแรกโดยการเช่าหรืออาศัยก็ตาม ก็เป็นเพียงการกล่าวถึงมูลกรณีเดิมซึ่งไม่ใช่สารสำคัญ เพราะจำเลยจะอยู่โดยการเช่าหรืออาศัยโจทก์ก็ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกจากห้องพิพาทโดยชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 566 แล้ว แสดงว่าการเช่าหรือการอาศัยสิ้นสุดแล้ว การอยู่ต่อมาจึงเป็นการละเมิด การที่ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยจึงไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น
จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน ในวันนัดสืบพยานจำเลยโจทก์ไม่มาศาล ศาลสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและดำเนินการสืบพยานจำเลยได้ 1 ปาก จำเลยขอเลื่อนไป ถึงวันนัดสืบพยานจำเลยนัดต่อมา โจทก์มาศาล ถือว่าโจทก์มาศาลเมื่อยังไม่พ้นเวลาที่โจทก์จะนำพยานของตนเข้าสืบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 204 วรรค 3 อนุมาตรา (1) เพราะจำเลยยังสืบพยานไม่หมด โจทก์จึงมีสิทธินำพยานของตนเข้าสืบ ตลอดจนระบุอ้างพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2510)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาท และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย โดยอ้างว่าจำเลยอาศัย และโจทก์ได้บอกให้จำเลยออกไปจากห้องพิพาทแล้ว
จำเลยที่ ๑ ให้การว่าจำเลยเช่าห้องพิพาทจากโจทก์แต่ได้เลิกเช่าคืนห้องให้แก่โจทก์แล้ว และไม่เคยเกี่ยวข้องกับห้องพิพาทอีกเลย
จำเลยที่ ๒ ให้การว่ามิได้อาศัยแต่เช่าห้องพิพาทจากโจทก์เป็นที่อยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.๒๕๐๔ ไม่เคยค้างค่าเช่า โจทก์ไม่มีสิทธิบอกเลิกการเช่าและฟ้องขับไล่จำเลย โจทก์ไม่เสียหาย
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยที่ ๑ ออกไปจากห้องพิพาทก่อนโจทก์ฟ้องแล้ว จำเลยที่ ๒ อาศัยห้องโจทก์อยู่ ไม่ได้รับความคุ้มครองพิพากษาให้ขับไล่จำเลยที่ ๒ และให้จำเลยที่ ๒ ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์โดยผู้พิพากษาซึ่งนั่งพิจารณาในศาลชั้นต้นรับรองให้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยเช่า แต่ไม่ได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่า ฯ โจทก์มาศาลเมื่อยังไม่พ้นเวลาที่โจทก์จะนำพยานของตนเข้าสืบ จึงมีสิทธินำพยานของตนเข้าสืบและระบุอ้างเพิ่มเติมได้ แม้โจทก์จะฟ้องว่าจำเลยอาศัย แต่ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยเช่า ก็ไม่นอกฟ้องและผิดประเด็นอันจะเป็นเหตุให้ยกฟ้องโจทก์ได้ โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยออกจากห้องพิพาทแล้ว จึงฟ้องขับไล่จำเลยได้ พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยที่ ๒ เช่าห้องพิพาทมิได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัย แต่ใช้เป็นที่เก็บสินค้าและสัมภาระซึ่งมีไว้ขาย แม้จะมีบริวารของจำเลยหลับนอนในห้องพิพาทก็เพื่อเฝ้าดูแลรักษาสินค้า เพื่อประโยชน์ในทางการค้าของจำเลย จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่า พ.ศ.๒๕๐๔ ที่จำเลยฎีกาว่าเมื่อฟังว่าจำเลยเช่า ต้องยกฟ้องนั่น ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าห้องพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ให้จำเลยอาศัย โจทก์ต้องการห้องคืนบอกกล่าวให้จำเลยออกก็ไม่ออก ขืนอยู่โดยไม่มีสิทธิเป็นการละเมิด ขอให้ขับไล่ จำเลยต่อสู้ ว่าเช่าได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน ฯ จึงเป็นการยอมรับว่าจำเลยได้อยู่ในห้องพิพาทโจทก์จริง แต่จำเลยจะอาศัย หรือเช่าไม่ใช่สารสำคัญ เพราะเป็นการกล่าวถึงมูลกรณีเดิมว่าจำเลยเข้าอยู่ในห้องพิพาทได้อย่างไร แม้จะฟังว่าจำเลยเข้าอยู่อาศัยโดยการเช่า ก็ไม่เป็นเหตุให้ยกฟ้อง และเมื่อจำเลยไม่ได้เช่าอยู่อาศัย ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะ ฯ การเช่าไม่มีกำหนดเวลา และโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกจากห้องพิพาทโดยชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๖๖ แล้ว การเช่าก็สิ้นสุด จำเลยขืนอยู่ต่อมาจึงเป็นละเมิด การที่ศาลพิพากษาขับไล่จำเลย จึงไม่เป็นการนอกฟ้อง นอกประเด็น ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบ หรืออ้างว่าพยานเพิ่มเติมนั้นเห็นว่า จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน ในวันนัดสืบพยานจำเลย โจทก์ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา และดำเนินการสืบพยานได้ ๑ ปาก จำเลยขอเลื่อนถึงวันนัดสืบพยานจำเลยนัดต่อมาโจทก์มาศาล ถือว่าโจทก์มาศาลเมื่อยังไม่พ้นเวลาที่โจทก์จะนำพยานของตนเข้าสืบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๕ วรรค ๓ อนุมาตรา (๑) เพราะจำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน และยังสืบพยานของจำเลยไม่หมด โจทก์จึงมีสิทธินำพยานของตนเข้าสืบ ตลอดจนระบุอ้างพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย