แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บุคคลที่จะจดทะเบียนรับรองบุตร หรือรับรองบุตรให้มีผลในกฎหมายได้บุคคลนั้นจะต้องเป็นบิดาของเด็กด้วยมิฉะนั้นการรับรองก็ไม่เกิดผล
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ด.ญ.กมลพันธ์ เป็นบุตรโจทก์เกิดด้วยนายกมล ชมเสวีสามีแต่มิได้จดทะเบียนการสมรส แต่นายกมลได้รับรอง ด.ญ.กมลพันธ์เป็นบุตร ด.ญ.กมลพันธ์จึงเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายกมล ๆถึงแก่กรรมมีมรดกราคาประมาณ 2 ล้านบาท มรดกอยู่ในความครอบครองดูแลของนางสาวบุตรีก่อนนายกมลตาย ทั้งนายกมลได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ทั้งหมดให้ ด.ญ.กมลพันธ์ตามสำเนาท้ายฟ้อง
เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2495 จำเลยได้ยื่นฟ้องเรียกมรดกของนายกมลจาก น.ส.บุตรี โดยอ้างว่าเป็นพี่ชายต่างมารดากับนายกมล โจทก์จึงมาฟ้องเพื่อให้ศาลบังคับมิให้จำเลยเกี่ยวข้องกับมรดก และให้ด.ญ.กมลพันธ์รับมรดกคนเดียว
จำเลยต่อสู้ว่านายกมลเป็นบุคคลวิกลจริตไม่รู้สึกผิดชอบนายกมลไม่เคยมีภรรยาและไม่เคยมีบุตรจำเลยปฏิเสธลายเซ็นการรับรองบุตรและลายมือในพินัยกรรม
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์แต่ผู้พิพากษานายหนึ่งทำความเห็นแย้ง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การจดทะเบียนรับรองบุตรตามประมวลแพ่งฯมาตรา 1526 หรือการรับรองบุตรตามมาตรา 1527 ก็ดี จะต้องกระทำโดยบุคคลที่เป็นบิดาเด็กถ้าไม่ใช่บิดาแล้ว การจดทะเบียน หรือการรับรองว่าเป็นบุตรนั้นก็หาทำให้เด็กเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของบิดาขึ้นมาไม่ ฯลณ ฯลฯ
จึงพิพากษาให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น