แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อเท็จจริงได้ความว่ามีการวิวาททำร้ายกันสองตอน แต่โจทก์บรรยายฟ้องฉะเพาะการวิวาททำร้ายกันในตอนที่ 2 นั้น ศาลจะลงโทษจำเลยในความผิดตอนแรกไม่ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองฝ่ายหนึ่ง กับนายจรัญอีกฝ่ายหนึ่ง ต่าสมัครใจใช้กำลังชกต่อยและใช้มีดเป็นอาวุธเข้าวิวาททำร้ายร่างกายซื้อกันและกัน ในทางวิวาทนี้ จำเลยที่ ๑ ได้บังอาจใช้มีดแทงนายจรัญถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม. ๒๕๓ ๒๔๙.
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธความผิด
ศาลขั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๒ ทะเลาะเถียงกับผู้ตาย แล้วจำเลยที่ ๒ กับผู้ตายเข้าซ่อมต่อยกัน พอผู้ตายถอยไปติดคนดู จำเลยที่ ๒ ก็หยุด ผู้ตายกลับเดินเข้าไปหาจำเลยที่ ๑ ซึ่งพึ่งเดินไปถึง ผู้ตายตรงเข้าชกจำเลยที่ ๑ ก่อนจำเลยที่ ๑ หลบชกไม่ถูก แล้วผู้ตายจะชกจำเลยที่หนึ่งอีก จำเลยที่ ๑ เอาหัวไหล่กระแทกผู้ตายเซถอยหลังไป แล้วผู้ตายวิ่งเข้ามาอีก จำเลยที่ ๑ ยกมือที่ถือมีดพุ่งไปถูกคอผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตาย ณที่นั้น ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองได้วิวาทต่อสู้กับผู้ตายต่างวาระกัน จำเลยที่ ๒ ไม่ผิดตาม ม. ๒๕๓ และ๒๔๙ ตามที่โจทก์ฟ้อง จะลงโทษตามบทอื่น โจทก์ก็มิได้บรรยายฟ้องแสดงบทมาตราไว้ ให้ยกฟ้องปล่อยตัวจำเลยที่ ๒ ไปสำหรับจำเลยที่ ๑ ฟังว่ามีผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา จึงพิพากษาให้ลงโทษจำคุยจำเลยตาม ม. ๒๕๑,๕๙..มีกำหนด ๘ ปี
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้อง
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์และจำเลยที่ ๑ ฏีกา
โจทก์ฏีกาในข้อกฏหมายว่าศาลควรลงโทษจำเลยที่ ๒ ในความผิดฐานวิวาทในท้องถนนหลวงตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม. ๓๓๕ ข้อ ๖ ได้ สำหรับจำเลยที่ ๑ ขอให้ลงโทษตามฟ้อง
จำเลยที่ ๑ ฏีกาว่าพะยานโจทก์แตกต่างให้ยกฟ้อง
ศาลฏีกาเห็นว่า สำหรับตัวจำเลยที่ ๒ นั้น ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้ชี้ขาดข้อ ท.จ.ต้องกันว่า การวิวาทนี้มีขึ้นเป็นสองตอนเมื่อโจทก์บรรยายฟ้องฉะเพาะการวิวาทตอนที่มีการตาย เมื่อโจทก์