คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4596/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ร้องทั้งสามเป็นผู้ซื้อที่ดินของจำเลยจากการขายทอดตลาดจำเลยยื่นคำร้องให้ยกเลิกการขายทอดตลาดระหว่างพิจารณาคำร้องผู้คัดค้านมีคำสั่งให้สำนักงานบังคับคดีฯจัดเก็บผลประโยชน์ต่างๆในที่ดินดังกล่าวเมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ยกคำร้องของจำเลยผู้ร้องทั้งสามจึงได้ชำระเงินครบถ้วนภายหลังจากนั้นการขายทอดตลาดจึงเสร็จสมบูรณ์ในวันดังกล่าวเมื่อการขายทอดตลาดยังไม่เสร็จสมบูรณ์ในวันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเคาะไม้ขายให้แก่ผู้ร้องทั้งสามกรรมสิทธิ์ในที่ดินยังคงเป็นของจำเลยผู้คัดค้านจึงมีอำนาจเก็บรวบรวมไว้ในกองทรัพย์สินของจำเลยในคดีล้มละลายได้ผู้ร้องทั้งสามไม่มีสิทธิได้รับเงินผลประโยชน์ในที่ดินนั้น

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2533 และพิพากษาให้ล้มละลาย เมื่อวันที่22 กรกฎาคม 2536 ผู้ร้องทั้งสามยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องทั้งสามเป็นผู้ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 13131, 14598, 28198 และ 7604พร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นตลาดชื่อตลาดเกษตรศรีเมือง ซึ่งเป็นทรัพย์ของจำเลยจากการขายทอดตลาดของศาลจังหวัดราชบุรี แต่จำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาด ซึ่งต่อมาศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ยกคำร้องของจำเลย เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2537 ผู้ร้องทั้งสามได้ชำระราคาและรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2537 ในระหว่างพิจารณาคำร้องของจำเลยที่ขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดทรัพย์ เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2534ผู้คัดค้านได้มีหนังสือขอให้สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ประจำศาลจังหวัดราชบุรีจัดเก็บผลประโยชน์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นและสำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ประจำศาลจังหวัดราชบุรีได้เก็บผลประโยชน์ดังกล่าวจนถึงวันที่ 1 เมษายน 2537 และผู้ร้องทั้งสามได้ยื่นคำร้องต่อผู้คัดค้านขอรับเงินผลประโยชน์ต่าง ๆ เพราะการซื้อทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของผู้ร้องทั้งสามมีผลสมบูรณ์ตั้งแต่มีการเคาะไม้เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2533ผลประโยชน์ที่จัดเก็บไว้เป็นดอกผลและตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องทั้งสาม แต่ผู้คัดค้านมีคำสั่งว่าการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ มิฉะนั้นเป็นโมฆะ กรรมสิทธิ์ยังไม่โอนเป็นของผู้ซื้อ ดอกผลยังคงเป็นของเจ้าของเดิม ให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสาม ผู้ร้องทั้งสามเห็นว่าคำสั่งของผู้คัดค้านไม่ถูกต้อง ขอให้กลับคำสั่งของผู้คัดค้านและมีคำสั่งใหม่คืนผลประโยชน์ที่ผู้คัดค้านเก็บไว้แก่ผู้ร้องทั้งสาม
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่าผู้ร้องทั้งสามเป็นผู้ซื้อทรัพย์ได้จากการขายทอดตลาด แต่จำเลยร้องขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดซึ่งต่อมาศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้ยกคำร้องของจำเลย ในระหว่างพิจารณาคำร้องของจำเลยที่ขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาด ผู้ร้องทั้งสามและผู้รับจำนองขอให้ผู้คัดค้านเข้าควบคุมจัดเก็บผลประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อรวบรวมไว้ในกองทรัพย์สินของจำเลย ผู้คัดค้านได้ดำเนินการจัดเก็บผลประโยชน์ตั้งแต่วันที่9 มกราคม 2535 จนถึงวันที่ 1 เมษายน 2537 ซึ่งเป็นวันโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่ผู้ร้องทั้งสาม ผู้ร้องทั้งสามเพิ่งจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2537ระหว่างที่ผู้คัดค้านจัดเก็บผลประโยชน์ ผู้ร้องทั้งสามยังไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง หามีสิทธิได้รับเงินค่าผลประโยชน์ต่าง ๆ ไม่ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ให้ยก คำร้อง
ผู้ร้อง ทั้ง สาม อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
ผู้ร้อง ทั้ง สาม ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “การขายทอดตลาด แม้จะบริบูรณ์เมื่อผู้ทอดตลาดแสดงความตกลงด้วยการเคาะไม้ก็ตาม แต่ก็มีผลเพียงทำให้ผู้สู้ราคาไม่อาจถอนคำสู้ราคาของตนได้ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 509 เท่านั้น และเมื่อพิจารณาประกอบกับมาตรา 515 ได้บัญญัติให้ผู้สู้ราคาสูงสุดนั้นต้องใช้ราคาเป็นเงินสดเมื่อการซื้อขายบริบูรณ์ และในมาตรา 516ยังได้บัญญัติต่อไปว่า ถ้าผู้สู้ราคาสูงสุดละเลยเสียไม่ใช้ราคาก็ให้เอาทรัพย์สินนั้นออกขายทอดตลาดซ้ำอีก หากได้เงินจำนวนสุทธิไม่คุ้มราคาและค่าทอดตลาดชั้นเดิม ผู้สู้ราคาเดิมคนนั้นต้องรับผิดในส่วนที่ขาด แต่หากขายได้เงินจำนวนสุทธิสูงกว่าที่ผู้สู้ราคาเดิมได้ให้ราคาไว้ในชั้นเดิม ก็หาได้มีบทบัญญัติให้ต้องคืนเงินส่วนที่สูงกว่าดังกล่าวแก่ผู้สู้ราคาเดิมไม่ ฉะนั้น แม้คดีนี้ได้ความว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ทอดตลาดได้เคาะไม้ในการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยแก่ผู้ร้องทั้งสามซึ่งเป็นผู้สู้ราคาแล้วแต่จำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลยกเลิกการขายทอดตลาด ซึ่งเป็นข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการขายทอดตลาดอยู่ จนกระทั่งศาลฎีกามีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ยกคำร้องของจำเลยเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2537ทำให้ข้อโต้แย้งดังกล่าวถึงที่สุด ทั้งผู้ร้องทั้งสามได้ชำระเงินครบถ้วนเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2537 การขายทอดตลาดจึงเสร็จสมบูรณ์ในวันดังกล่าว เมื่อการขายทอดตลาดยังไม่เสร็จสมบูรณ์ในวันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเคาะไม้ขายให้แก่ผู้ร้องทั้งสามเมื่อวันที่5 กันยายน 2533 ผู้ร้องทั้งสามจึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง กรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างยังคงเป็นของจำเลย จำเลยย่อมมีสิทธิได้ซึ่งผลประโยชน์อันเป็นดอกผลในที่ดินดังกล่าว ผู้คัดค้านจึงมีอำนาจเก็บรวบรวมไว้ในกองทรัพย์สินของจำเลยในคดีล้มละลายได้ ผู้ร้องทั้งสามไม่มีสิทธิได้รับเงินผลประโยชน์นั้น ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษาให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสามนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของผู้ร้องทั้งสามฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share