แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกระทำอนาจารจับหน้าอกผู้เสียหายในร้านอาหารซึ่งมีลูกค้านั่งรับประทานอาหารอยู่ที่โต๊ะอื่นด้วย และมี น. พนักงานร้านอาหารนั้นเห็นจำเลยจับหน้าอกผู้เสียหายขณะ น. เสิร์ฟอาหารอยู่โต๊ะอื่น จึงเป็นการกระทำต่อหน้าธารกำนัล และมิใช่ความผิดฐานกระทำอนาจารที่จะยอมความได้ ตาม ป.อ. มาตรา 281 ประกอบมาตรา 278 แม้ผู้เสียหายแถลงไม่ติดใจเอาความแก่จำเลยแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ก็ยังไม่ระงับไป ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 จำคุก 1 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งนั่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าขณะจำเลยกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายโดยจับหน้าอกผู้เสียหายเป็นการกระทำในร้านอาหารซึ่งมีลูกค้ามานั่งรับประทานอาหารอยู่ที่โต๊ะอื่นด้วย และมีนางสาวน้องนาพนักงานร้านอาหารนั้นเห็นจำเลยจับหน้าอกผู้เสียหายขณะนางสาวน้องนาเสิร์ฟอาหารอยู่ที่โต๊ะอื่น การที่จำเลยกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายดังกล่าวจึงเป็นการกระทำต่อหน้าธารกำนัล มิใช่ความผิดฐานกระทำอนาจารที่จะยอมความได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 281 ประกอบมาตรา 278 แม้ผู้เสียหายแถลงไม่ติดใจเอาความแก่จำเลยแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ก็ยังไม่ระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2) ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น…
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลย 20,000 บาท อีกสถานหนึ่งรวมเป็นจำคุก 1 เดือน และปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์