แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องคดีตามสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิดำเนินการสถานีน้ำมัน โดยเรียกเงินค่าเสียหายจากจำเลย คือ เงินค้างชำระเกี่ยวกับค่าใช้สิทธิ ค่าซื้อสินค้า ค่าส่งเสริมการขาย และค่าซ่อมอุปกรณ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องจากสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิทั้งสิ้น นอกจากนี้น้ำมันซึ่งโจทก์ส่งมอบให้จำเลยก็มิใช่สินค้าที่มีลักษณะเป็นการซื้อมาขายไปเป็นปกติธุระของโจทก์ เพราะต้องมีการควบคุมปริมาณและคุณภาพตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญา ค่าเสียหายดังกล่าวจึงไม่ตกอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์เรื่องผู้ประกอบการค้าเรียกเอาค่าของที่ส่งมอบ ตามป.พ.พ. มาตรา 193/34 (1) ซึ่งมีอายุความ 2 ปี เมื่อสัญญาให้ใช้สิทธิดังกล่าวไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะจึงมีกำหนด 10 ปี ตามมาตรา 193/30
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2538 โจทก์ตกลงให้จำเลยเป็นผู้ดำเนินการสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันเอสโซ่ เลขที่ 121 หมู่ที่ 2 ถนนฉะเชิงเทราสัตหีบ ตำบลหัวสำโรง อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา มีกำหนดเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2538 ถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2543 โดยจำเลยได้รับมอบเครื่องบริภัณฑ์ เครื่องมือ และอุปกรณ์ในการจำหน่ายน้ำมันไปจากโจทก์ในสภาพเรียบร้อย ต่อมาจำเลยค้างชำระค่าใช้สิทธิร้านไทเกอร์มารท์ จำนวน 702,782.78 บาท ค้างชำระค่าสินค้า จำนวน 151,313.95 บาท ค้างชำระค่าส่งเสริมการขายจำนวน 36,453.40 บาท และค้างชำระค่าซ่อมอุปกรณ์ค้างจ่ายจำนวน 428 บาท รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 890,978.13 บาท ซึ่งจำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้ว่า จำเลยจะผ่อนชำระให้โจทก์เดือนละ 10,000 บาท และขอขยายระยะเวลาการขนย้ายเครื่องมือในการส่งคืนแก่โจทก์ หลังจากนั้นจำเลยผ่อนชำระเงินคืนแก่โจทก์เพียงบางส่วน คงค้างชำระจำนวน 850,978.13 บาท เมื่อสัญญาสิ้นสุดลงจำเลยมีหน้าที่ต้องส่งคืนเครื่องบริภัณฑ์ เครื่องมือ และอุปกรณ์ของโจทก์ แต่จำเลยยังไม่ส่งมอบคืนให้แก่โจทก์จำนวน 10 รายการ โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้และส่งมอบเครื่องบริภัณฑ์เครื่องมือ และอุปกรณ์คืนโจทก์แล้วแต่จำเลยเพิกเฉยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้พิพากษาให้จำเลยส่งมอบเครื่องบริภัณฑ์ เครื่องมือและอุปกรณ์ตามฟ้องให้แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี หากไม่คืนหรือคืนให้ไม่ครบให้ใช้ราคาเป็นเงิน 517,389 บาท ให้จำเลยชำระหนี้ค้างชำระจำนวน 850,978.13 บาท ค่าเสียหายจำนวน 300,000 บาท รวมเป็นเงิน 1,150,978.13 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องของต้นเงินจำนวนดังกล่าวเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเงินและคืนเครื่องบริภัณฑ์ เครื่องมือและอุปกรณ์ให้โจทก์ในสภาพเรียบร้อย ครบถ้วน และค่าเสียหายอีกวันละ 30,000 บาท นับจากวันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะคืนเครื่องบริภัณฑ์ เครื่องมือ และอุปกรณ์ให้โจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับค่าเสียหายขาดอายุความแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยคืนเครื่องบริภัณฑ์ เครื่องมือ และอุปกรณ์ของโจทก์ในสภาพเรียบร้อย หากคืนไม่ได้ให้ใช้เงินจำนวน 200,000 บาท แก่โจทก์ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 740,978.13 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 20 สิงหาคม 2546) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และชำระค่าเสียหายเป็นเงินวันละ 1,000 บาท นับแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2546 เป็นต้นไป จนกว่าจำเลยจะส่งคืนเครื่องบริภัณฑ์ เครื่องมือและอุปกรณ์แก่โจทก์ครบถ้วน แต่ค่าเสียหายดังกล่าวกำหนดให้ไม่เกิน 6 เดือน กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 10,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “ปัญหาตามอุทธรณ์ของจำเลยประการต่อมามีว่า ฟ้องโจทก์ในส่วนของค่าเสียหายขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้ตามสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิดำเนินการสถานีน้ำมันตามเอกสารหมาย จ.4 โดยเรียกเงินค่าเสียหายจากจำเลยคือ เงินค้างชำระเกี่ยวกับค่าใช้สิทธิ ค่าซื้อสินค้า ค่าส่งเสริมการขาย และค่าซ่อมอุปกรณ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องจากสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิทั้งสิ้น นอกจากนี้น้ำมันซึ่งโจทก์ส่งมอบให้จำเลยก็มิใช่สินค้าที่มีลักษณะเป็นการซื้อมาขายไปเป็นปกติธุระของโจทก์ เพราะต้องมีการควบคุมปริมาณและคุณภาพตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญา ค่าเสียหายตามคำฟ้องของโจทก์จึงไม่ตกอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์เรื่องผู้ประกอบการค้าเรียกเอาค่าของที่ส่งมอบ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 (1) ซึ่งมีอายุความ 2 ปี ดังที่จำเลยอุทธรณ์ซึ่งสัญญาให้ใช้สิทธิดังกล่าวไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะจึงมีกำหนด 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ