คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4582/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จำเลยจะทำสำเนาภาพถ่ายสัญญาเช่าเพื่อการลงทุนปลูกสร้างอาคารศูนย์การค้าและโรงแรมขึ้นมาโดยการปกปิดข้อเท็จจริงบางประการไว้ แต่หากไม่ได้ทำให้เนื้อความตามข้อสัญญาต้องเปลี่ยนแปลงไปมีความหมายเป็นอย่างอื่น หรือเพิ่มเติมข้อความใหม่ให้แตกต่างไปแทนที่ข้อเท็จจริงบางอย่างไว้เช่นนั้น จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการตัดทอนข้อความอันเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร อีกทั้งการกระทำดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดหรือไม่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ทั้งโจทก์ก็ไม่ได้รับความเสียหายจากการที่จำเลยปกปิดข้อเท็จจริงดังกล่าว จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 264, 265
เมื่อสำเนาภาพถ่ายสัญญาเช่าเพื่อการลงทุนปลูกสร้างอาคารศูนย์การค้าและโรงแรมดังกล่าวไม่เป็นเอกสารปลอมแล้ว การที่จำเลยเบิกความในคดีอาญาอ้างถึงสัญญาดังกล่าวจึงไม่อาจถือว่าเป็นการเบิกความเท็จได้ เพราะได้มีการทำสัญญาดังกล่าวกันจริง ทั้งจำเลยก็เบิกความไปตามที่ระบุไว้ในสัญญานั้น อีกทั้งศาลชั้นต้นเห็นว่าข้อความที่ถูกปกปิดมิใช่เป็นข้อความสำคัญในคดีที่โจทก์ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นประมาท จึงมิได้หยิบยกขึ้นมาวินิจฉัย จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 177

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๒, ๑๗๔, ๑๗๗, ๑๗๙, ๑๘๐, ๒๖๔, ๒๖๕, ๒๖๘, ๘๓, ๘๔, ๙๐, ๙๑
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า จำเลยทั้งห้าร่วมกันปลอมเอกสาร ใช้เอกสารปลอมสำเนาภาพถ่ายสัญญาเช่าเพื่อการลงทุนปลูกสร้างอาคารศูนย์การค้าและโรงแรม และนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๔, ๒๖๕, ๒๖๘ และ ๑๘๐ หรือไม่ จำเลยทั้งห้าร่วมกันทำสำเนาสัญญาเช่าเพื่อการลงทุนปลูกสร้างอาคารศูนย์การค้าและโรงแรมตามเอกสารหมาย จ. ๑๙ โดยการถ่ายภาพและลบข้อความที่กำหนดพื้นที่และมูลค่าของอาคารที่ปรากฏอยู่ในเอกสารหมาย จ. ๖ ออกทำให้สำเนาภาพถ่ายสัญญาเช่าเพื่อการลงทุนปลูกสร้างอาคารศูนย์การค้าและโรงแรมเอกสารหมาย จ. ๑๙ ไม่ถูกต้อง เป็นเอกสารปลอม และการกระทำของจำเลยทั้งห้าดังกล่าวทำให้โจทก์เสียหายนั้น เห็นว่า แม้สำเนาภาพถ่ายสัญญาเช่าเพื่อการลงทุนปลูกสร้างอาคารศูนย์การค้าและโรงแรมเอกสารหมาย จ. ๑๙ ข้อ ๒ จะไม่ปรากฏตัวเลข “๗๑๒,๐๐๐” กับ “๙,๔๘๕” และตัวหนังสือ (เก้าพัน สี่ร้อยแปดสิบห้าล้านบาท) ซึ่งเป็นพื้นที่อาคารและมูลค่าของอาคารอยู่ด้วยก็ตาม แต่สัญญาเช่าเพื่อการลงทุนปลูกสร้างอาคารศูนย์การค้าและโรงแรม มีสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และจำเลยที่ ๑ เป็นคู่สัญญากัน การที่จำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ กรรมการผู้มีอำนาจจะทำสำเนาภาพถ่ายสัญญาเช่าเพื่อการลงทุนปลูกสร้างอาคารศูนย์การค้าและโรงแรมขึ้นมาโดยการปกปิดข้อเท็จจริงบางประการไว้ แต่หากไม่ได้ทำให้เนื้อความตามข้อสัญญาต้องเปลี่ยนแปลงไปมีความหมายเป็นอย่างอื่น หรือเพิ่มเติมข้อความใหม่ให้แตกต่างไปแทนที่ข้อเท็จจริงที่ปกปิดไว้แล้วย่อมมีสิทธิที่จะทำได้ การปกปิดข้อเท็จจริงบางอย่างไว้เช่นนั้น จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการตัดทอนข้อความอันจะเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร โดยจะเห็นได้ว่ามีการปกปิดข้อเท็จจริงที่เป็นตัวเลขและตัวหนังสืออันเกี่ยวกับพื้นที่อาคารและมูลค่าของอาคารไว้เท่านั้น ไม่ได้มีการเพิ่มเติมตัวเลขหรือข้อความใด ๆ ลงแทนที่อันจะทำให้เห็นว่ามีความหมายเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น การกระทำดังกล่าวย่อมไม่ก่อให้เกิดหรือไม่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ข้อหาความผิดฐานปลอมเอกสาร ใช้เอกสารปลอมและนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๔, ๒๖๕, ๒๖๘ และ ๑๘๐ จึงไม่มีมูลความผิด เมื่อสำเนาภาพถ่ายสัญญาเช่าเพื่อการลงทุนปลูกสร้างอาคารศูนย์การค้าและโรงแรมเอกสารหมาย จ. ๑๙ ไม่เป็นเอกสารปลอมแล้ว การที่จำเลยที่ ๒ เบิกความในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๘๕๐๕/๒๕๓๔ ของศาลแขวงดุสิตอ้างถึงสัญญาดังกล่าวนั้น ไม่อาจถือว่าเป็นการเบิกความเท็จได้ เพราะได้มีการทำสัญญาเพื่อการลงทุนปลูกสร้างอาคารศูนย์การค้าและโรงแรมตามเอกสารหมาย จ. ๑๙ กันจริง อีกทั้งศาลแขวงดุสิตเห็นว่าจำนวนตัวเลขที่ถูกปกปิดในสำเนาภาพถ่ายสัญญาเช่าดังกล่าวมิใช่เป็นข้อสำคัญในคดีที่โจทก์ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นประมาทจำเลยที่ ๑ จึงมิได้หยิบยกขึ้นมาวินิจฉัยเพื่อยกฟ้องโจทก์แต่อย่างใด ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าไม่มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๗ นั้น ชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share