คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 458/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า. จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ตกลงให้จำเลยตกแต่งซ่อมแซมบ้านใหม่ทั้งหมดแล้วจะให้จำเลยเช่าต่อหลังจากหมดสัญญาอีก 3 ปี จึงมีสัญญาต่างตอบแทนต่อกัน ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ทำสัญญาเช่ากับจำเลยอีก 3 ปีนั้น เมื่อเป็นฟ้องแย้งที่เกี่ยวกับฟ้องเดิมแล้วก็ต้องรับไว้เสียก่อน ส่วนข้ออ้างของจำเลยจะแพ้หรือชนะเป็นข้อวินิจฉัยภายหลังรับฟ้องแย้งแล้ว (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 303/2504)
ส่วนฟ้องแย้งที่ว่า หากข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าโจทก์จำเลยไม่มีสัญญาต่างตอบแทนต่อกัน จำเลยก็ขอฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ที่จำเลยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงห้องเช่านั้น เป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไข กล่าวคือจะถือเป็นฟ้องแย้งต่อเมื่อศาลพิพากษาขับไล่จำเลย ซึ่งเป็นเรื่องเกิดขึ้นภายหลังจึงเป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ไม่เป็นฟ้องแย้งที่จะรับไว้พิจารณา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้เช่าห้องแถวพิพาทของโจทก์มีกำหนด 1 ปี ครบกำหนดตามสัญญาแล้วจำเลยไม่ยอมย้ายออกไป ทำให้โจทก์เสียหายขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากห้องแถวพิพาทและให้ใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ขณะทำสัญญาเช่าตามฟ้อง โจทก์ตกลงให้จำเลยตกแต่งซ่อมแซมบ้านใหม่ทั้งหมด แล้วโจทก์จะให้จำเลยเช่าต่อหลังจากหมดสัญญาอีก 3 ปี จึงมีสัญญาต่างตอบแทนต่อกัน ขอให้บังคับโจทก์ทำสัญญาเช่ากับจำเลยอีก 3 ปี หากข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าโจทก์จำเลยไม่มีสัญญาต่างตอบแทนต่อกันก็ขอเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ในจำนวนเงินที่จำเลยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงห้องพิพาทพร้อมดอกเบี้ย

ศาลชั้นต้นสั่งรับคำให้การ แต่ไม่รับฟ้องแย้งเพราะฟ้องแย้งมีเงื่อนไข

จำเลยอุทธรณ์ขอให้รับฟ้องแย้ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับฟ้องแย้งที่ให้บังคับโจทก์ให้จำเลยเช่าบ้านพิพาทต่อไปอีก 3 ปีเพราะมีสัญญาต่างตอบแทนกันนั้น เห็นว่า ในชั้นนี้เป็นแต่เพียงตรวจคำคู่ความว่าจะรับเป็นฟ้องแย้งหรือไม่รับ เมื่อฟ้องแย้งเกี่ยวกับฟ้องเดิมแล้วก็ต้องรับไว้เสียก่อน ส่วนข้ออ้างของจำเลยจะแพ้หรือชนะคือจะเป็นสัญญาต่างตอบแทนบังคับตามคำขอได้หรือไม่ เป็นข้อวินิจฉัยภายหลังรับฟ้องแย้งแล้ว ซึ่งต้องชี้ขาดตัดสินโดยองค์คณะผู้พิพากษาศาลชั้นต้น ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 303/2504

ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยที่ขอให้โจทก์ชดใช้ค่าซ่อมแซมปรับปรุงบ้านพิพาทนั้น เห็นว่าจำเลยขอให้บังคับโจทก์ต่อเมื่อศาลฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์และจำเลยไม่มีสัญญาต่างตอบแทนต่อกันและศาลพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทไปแล้ว จึงเป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไข กล่าวคือ จะถือเป็นฟ้องแย้งต่อเมื่อศาลพิพากษาขับไล่จำเลยซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังถ้าจำเลยชนะคดีตามคำให้การ ฟ้องแย้งของจำเลยก็ตกไป จึงเป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ไม่เป็นฟ้องแย้งที่จะรับไว้พิจารณา

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รับฟ้องแย้งของจำเลยในข้อที่ว่าโจทก์และจำเลยมีสัญญาต่างตอบแทนต่อกัน

Share