คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามฟ้องของโจทก์นี้ (ดูฟ้องโจทก์) แปลได้ว่าเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกเงินค่าจำนำวิทยุ (ไม่ใช่ยักยอกเครื่องวิทยุ)จึงไม่มีมูลคดีอาญา (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2503)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องมีใจความว่า จำเลยได้ตกลงเช่าซื้อวิทยุหนึ่งเครื่องไปจากโจทก์ โดยจำเลยตกลงชำระค่าเช่าให้โจทก์เป็นรายเดือนทุกเดือนจนกว่าจะครบจำนวนราคาวิทยุที่เช่าซื้อไป เมื่อเช่าซื้อไปแล้วจำเลยได้ชำระค่าเช่าให้โจทก์เพียงสองคราวและมิได้ชำระให้โจทก์อีกเลย ต่อมาจำเลยได้มีเจตนาทุจริตบังอาจเอาวิทยุของโจทก์ที่จำเลยครอบครองอยู่ในฐานะผู้เช่าซื้อไปจำนำไว้กับผู้มีชื่อและโดยเจตนาทุจริตของจำเลย ๆ ได้เบียดบังเอาเงินค่าจำนำวิทยุนี้เป็นของจำเลยหรือบุคคลที่ 3 เสีย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352

ศาลชั้นต้นเห็นว่า มูลกรณีแห่งคดีนี้เป็นเรื่องที่จำเลยทำผิดสัญญาทางแพ่งโดยแท้ เพียงแต่เหตุที่จำเลยทำผิดสัญญาเช่าซื้อโดยไม่ชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์ตามสัญญาแล้วจำเลยเอาวิทยุไปจำนำกับบุคคลที่ 3 เอาเงินใช้เสียเองนั้นจะถือว่าเป็นกริยาบังอาจและมีเจตนาทุจริตหาได้ไม่ เพราะการจำนำนั้นก็เพียงแต่จำเลยส่งมอบทรัพย์ให้ผู้รับจำนำยึดถือเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้เท่านั้น เห็นว่าการกระทำของจำเลยดังที่โจทก์บรรยายมา ไม่มีมูลแห่งความผิดทางอาญาจึงให้ยกคำฟ้องของโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกเงินค่าจำนำวิทยุ หาใช่เป็นฟ้องหาว่ายักยอกเครื่องวิทยุไม่แม้จะถือว่าวิทยุยังเป็นของโจทก์ ซึ่งถ้าหากมีกรณีจะต้องคืนวิทยุและจำเลยคืนไม่ได้ จำเลยอาจต้องใช้เงินให้โจทก์ก็ดี แต่ก็เป็นการบังคับตัวจำเลยให้เอาเงินมาใช้แทนทรัพย์ส่วนตัวเงินที่จำเลยเอาเครื่องวิทยุไปจำนำมาได้ ไม่ใช่เป็นเงินของโจทก์ หรือที่โจทก์จะบังคับเอากับเงินนั้นได้โดยตรง แม้จำเลยจะเอาเงินนี้ไป ไม่นำมาให้โจทก์ โจทก์ก็จะว่าจำเลยยักยอกเงินนี้ไม่ได้ ฟ้องของโจทก์จึงไม่มีมูลคดีอาญา ดังที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมาชอบแล้ว

พิพากษายืน ยกฎีกาของโจทก์

Share