แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ค่าอาหารและค่ารถที่นายจ้างจัดให้แก่ลูกจ้างไม่มีความแน่นอนลูกจ้างคนใดมาทำงานก็ได้รับประทานอาหารและได้โดยสารรถวันใดไม่มาทำงานก็ไม่ได้รับประทานอาหารไม่ได้โดยสารรถ และนายจ้างก็มิได้ให้ค่าอาหารหรือค่าโดยสารรถเป็นตัวเงินแก่ลูกจ้างค่าอาหารและค่ารถจึงมิใช่เงินหรือสิ่งของที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเพื่อตอบแทนการทำงานในเวลาทำงานปกติของวันทำงานจึงมิใช่ค่าจ้าง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์ในอัตราค่าจ้างเดือนละ800 บาท เป็นค่าจ้างที่ต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ และต่อมาเลิกจ้างโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้างที่ขาดจากอัตราค่าจ้างขั้นต่ำและค่าจ้างระหว่างพักงานค่าทำงานประเภทอื่นด้วย จำเลยให้การว่าโจทก์รับประทานอาหารวันละ 2 มื้อเป็นเงินเดือนละ 900 บาทและได้ค่าพาหนะเดือนละ 450 รวมเป็นค่าจ้างเดือนละ 2,180 บาทและไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์ได้ค่าจ้างเดือนละ 830 บาทเท่านั้นต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน21,759 บาท จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยเกี่ยวกับค่าอาหารและค่ารถว่า”เงินค่าอาหารและค่ารถไม่มีความแน่นอน โจทก์หรือพนักงานคนใดไม่ได้รับประทานอาหารหรือไม่ได้โดยสารรถวันใด จำเลยก็มิได้หักเงินค่าอาหารหรือค่ารถวันนั้น ด้วยลักษณะที่ไม่แน่นอน ผู้ใดมาทำงานก็ได้รับประทานอาหารและได้โดยสารรถ วันใดไม่มาก็ไม่ได้รับประทานไม่ได้โดยสารรถ ศาลฎีกาเห็นว่า ค่าอาหารและค่ารถถือไม่ได้ว่าเป็นเงินหรือเป็นสิ่งของที่จำเลยจ่ายให้โจทก์เป็นการตอบแทนการทำงานในเวลาทำงานปกติของวันทำงาน กลับได้ความว่าวันหยุดซึ่งโจทก์ไม่ได้ทำงาน หรือวันใดลา จำเลยก็มิได้ให้โจทก์รับประทานอาหารและโดยสารรถและมิได้ให้ค่าอาหารและค่ารถเป็นตัวเงินแก่โจทก์ เพราะฉะนั้น ค่าอาหารและค่ารถจึงมิใช่ค่าจ้าง”
สำหรับค่าทำงานในวันหยุดตามประเพณี จำเลยค้างจ่ายเพียง806.94 บาท จึงแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยจ่ายค่าทำงานในวันหยุดตามประเพณีให้โจทก์เป็นเงิน 806.94 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลแรงงานกลาง