คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4565/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะจำเลยกระทำความผิดนั้น พระราชบัญญัติฝิ่นยังใช้บังคับอยู่แต่ต่อมาในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกามีพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 ยกเลิกพระราชบัญญัติฝิ่น เสียทั้งหมด แล้วกำหนดให้ฝิ่นและมูลฝิ่นเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 และการมีฝิ่นไว้ในความครอบครองกับการเสพฝิ่นยังเป็นความผิดอยู่ แต่ไม่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิด จึงต้องใช้พระราชบัญญัติฝิ่นที่ใช้ในขณะ กระทำความผิดบังคับแก่คดี สำหรับการมีกล้องสูบฝิ่นไม่ปรากฏว่า พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่2) พ.ศ. 2528 บัญญัติว่า เป็นความผิดการกระทำของจำเลยซึ่งเดิมเป็นความผิด จึงไม่เป็นความผิดอีกต่อไป จำเลยพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด
คำขอให้นับโทษจำเลยต่อจากอีกคดีหนึ่งนั้น โจทก์ต้องขอมาในฟ้อง หรือขอก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้น เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา63 การที่โจทก์ เพิ่งมายื่นคำร้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอื่นเมื่อศาลชั้นต้น พิพากษาคดีแล้ว และโจทก์อุทธรณ์คดีอยู่ระหว่างศาลชั้นต้นจะส่ง สำนวนไปศาลอุทธรณ์ โจทก์จึงขอไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีฝิ่น มีกล้องสูบฝิ่น และเสพฝิ่นโดยละเมิดต่อพระราชบัญญัติฝิ่น ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. ๒๔๗๒ มาตรา ๘, ๓๔, ๕๓, ๕๓ ทวิ, ๖๖, ๖๙ ฯลฯ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ และยื่นคำร้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๕๓๙/๒๕๒๖ ของศาลชั้นต้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสามข้อหาตามฟ้องยกคำร้องขอให้นับโทษต่อ
จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอื่นตามคำร้องของโจทก์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องอย่างไรก็ตามขณะจำเลยกระทำความผิด พระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. ๒๔๗๒ พระราชบัญญัติฝิ่น (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๐๒ และพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. ๒๔๗๒ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๔๗๖ ยังใช้บังคับอยู่ แต่ต่อมาในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกามีพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๘ ยกเลิกพระราชบัญญัติดังกล่าว แล้วใช้ความใหม่แทน พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๑๐ ได้กำหนดให้ฝิ่นหรือมูลฝิ่นตามกฎหมายว่าด้วยฝิ่นเป็นยาเสพติดให้โทษ ประเภท ๒ และการมีฝิ่นไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและการเสพฝิ่นยังถือว่าเป็นความผิดอยู่ แต่ไม่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิดจึงต้องใช้พระราชบัญญัติฝิ่นที่ใช้ในขณะกระทำผิดบังคับแก่คดีตามหลักทั่วไปในประมวลกฎหมายอาญา สำหรับการมีกล้องสูบฝิ่นไม่ปรากฏว่าพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๘ บัญญัติว่าเป็นความผิด การกระทำของจำเลยซึ่งเดิมเป็นความผิด จึงไม่เป็นความผิดอีกต่อไป จำเลยพ้นจากการเป็นผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒ วรรคสอง
ที่โจทก์ฎีกาขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๕๓๙/๒๕๒๖ ของศาลชั้นต้นนั้น เห็นว่า คำขอให้นับโทษจำเลยต่อจากอีกคดีหนึ่งโจทก์ต้องขอมาในฟ้อง หรือขอก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องโดยขอให้นับโทษจำเลยต่อจากอีกคดีหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๖๓ คดีนี้โจทก์เพิ่งมายื่นคำร้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอื่นเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนี้แล้ว และโจทก์อุทธรณ์คดีอยู่ระหว่างศาลชั้นต้นจะส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์ โจทก์จึงขอไม่ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ยกฟ้องโจทก์สำหรับข้อหามีกล้องสูบฝิ่นโดยฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติฝิ่น นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share