คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4562/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ ศ. ทำสัญญาค้ำประกันไว้กับเจ้าหนี้ซึ่งนอกจากจะมีข้อความระบุว่าเป็นการค้ำประกันหนี้เงินกู้ที่ลูกหนี้ที่ 1กู้ยืมเงินจากโจทก์ตามสัญญากู้ยืมและบันทึกข้อความต่อท้ายสัญญากู้ยืมแล้ว ตอนท้ายของสัญญาค้ำประกันดังกล่าวยังระบุด้วยว่าผู้ค้ำประกันสมัครใจค้ำประกันหนี้สินอื่น ๆ ทุกชนิด และทุกประเภทของผู้กู้ ทั้งที่มีอยู่แล้วหรือจะมีขึ้นในภายหน้าอันพึงมีต่อผู้ให้กู้ และ/หรือในนิติกรรมสัญญาใด ๆ ที่ผู้กู้ได้ทำไว้กับผู้ให้กู้ทั้งหมดจนกว่าผู้ให้กู้จะได้รับชำระหนี้ถูกต้องครบถ้วนด้วยดังนั้น เมื่อลูกหนี้ที่ 1 ได้ทำสัญญาค้ำประกันหนี้อันดับที่ 2และอันดับที่ 3 ไว้ต่อเจ้าหนี้ย่อมต้องถือว่า ศ. ตกลงเข้าค้ำประกันหนี้ตามสัญญาค้ำประกันดังกล่าวด้วย เมื่อ ศ. นำเงินไปชำระหนี้แก่เจ้าหนี้โดยมิได้ระบุว่าชำระหนี้รายใด การที่เจ้าหนี้นำไปจัดสรรชำระดอกเบี้ยของหนี้ทั้งสามอันดับตามส่วน ย่อยชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 328และมาตรา 329 แล้ว การที่เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้อันดับที่ 3 โดยอ้างส่งแต่เฉพาะสำเนาเอกสารเกี่ยวกับหนี้ดังกล่าวเป็นพยาน แต่ไม่นำส่งต้นฉบับให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้หมายนัดให้เจ้าหนี้ทราบโดยชอบ ทั้งไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบ จึงต้องห้ามมิให้รับฟังสำเนาเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 ประกอบพระราชบัญญัติ ล้มละลาย มาตรา 153

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้(จำเลย) ทั้งหกเด็ดขาด เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินจำนวน 37 ล้านบาทเศษ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วเห็นว่าเจ้าหนี้ควรได้รับชำระหนี้อันดับที่ 1 เป็นเงิน21 ล้านบาทเศษจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ทั้งหก และหนี้อันดับที่ 2เป็นเงิน 7 ล้านบาทเศษ จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 1 ที่ 2ที่ 3 ที่ 5 และที่ 6 โดยมีเงื่อนไขว่าหากเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จากนายศิรินทร์ นิมมานเหมินท์ ผู้ค้ำประกันหนี้ อันดับที่ 1แล้วเพียงใดก็ให้สิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ลดลงเพียงนั้น และยกคำขอชำระหนี้อันดับที่ 3
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
เจ้าหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยในปัญหาข้อแรกที่ว่า เจ้าหนี้มีสิทธินำเงินจำนวน 2 ล้านบาทเศษที่นายศิรินทร์นำมาชำระหนี้ไปหักชำระดอกเบี้ยทั้งสามอันดับเฉลี่ยตามส่วนได้หรือไม่ หรือมีสิทธินำไปหักชำระดอกเบี้ยเฉพาะหนี้อันดับที่ 1 เท่านั้น เห็นว่า ตามสัญญาค้ำประกันที่นายศิรินทร์ทำไว้กับเจ้าหนี้ตามเอกสารหมาย จ.23 ในข้อ 1นอกจากจะมีข้อความระบุว่าเป็นการค้ำประกันหนี้เงินกู้ที่ลูกหนี้ที่ 1 กู้ยืมเงินจากเจ้าหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินและบันทึกข้อตกลงต่อท้ายสัญญากู้ยืมเงินแล้ว ตอนท้ายของข้อ 1 ยังระบุด้วยว่า”ผู้ค้ำประกันสมัครใจยินยอมเข้าค้ำประกันการชำระหนี้ทั้งหมดตามสัญญากู้ยืมเงินและข้อตกลงต่อท้ายสัญญากู้ยืมเงินฉบับดังกล่าวตลอดจนหนี้สินอื่น ๆ ทุกชนิดและทุกประเภทของผู้กู้ ทั้งที่มีอยู่แล้วหรือจะมีขึ้นในภายหน้าอันพึงมีต่อผู้ให้กู้โดยผู้ค้ำประกันยินยอมเข้าค้ำประกันการชำระหนี้ต้นเงินตลอดจนดอกเบี้ยค่าสินไหมทดแทน ค่าอุปกรณ์แห่งหนี้ และเงื่อนไขในสัญญากู้ยืมเงินและข้อตกลงต่อท้ายสัญญากู้ยืมเงิน และ/หรือในนิติกรรมสัญญาใด ๆที่ผู้กู้ได้ทำไว้กับผู้ให้กู้ทั้งหมดจนกว่าผู้ให้กู้จะได้รับชำระหนี้ถูกต้องครบถ้วน” เมื่อปรากฏว่าลูกหนี้ที่ 1 ได้ทำสัญญาค้ำประกันหนี้อันดับที่ 2 และอันดับที่ 3 ไว้ต่อเจ้าหนี้ย่อมต้องถือว่าหนี้ตามสัญญาค้ำประกันที่ลูกหนี้ที่ 1 ทำไว้ต่อเจ้าหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ที่นายศิรินทร์ตกลงเข้าค้ำประกันตามสัญญาค้ำประกัน เอกสารหมาย จ.23 ข้อ 1 ด้วย นายศิรินทร์จึงต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้รวมตลอดไปถึงหนี้อันดับที่ 2 และอันดับที่ 3เมื่อนายศิรินทร์นำเงินจำนวน 2,636,927.40 บาท ไปชำระหนี้แก่เจ้าหนี้โดยมิได้ระบุว่าชำระหนี้รายใด การที่เจ้าหนี้นำไปจัดสรรชำระดอกเบี้ยของหนี้ทั้งสามอันดับตามส่วน โดยจัดสรรชำระดอกเบี้ยของหนี้อันดับที่ 1 เป็นเงิน 1,500,000 บาทเศษ ย่อมชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 328 และมาตรา 329 แล้วและวินิจฉัยว่าเจ้าหนี้มีสิทธิขอรับชำระหนี้อันดับที่ 1 จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ทั้งหกเป็นเงิน 22 ล้านบาทเศษ
ปัญหาที่ว่า เจ้าหนี้มีสิทธิขอรับชำระหนี้ในหนี้อันดับที่ 3หรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ในการยื่นขอรับชำระหนี้ในอันดับที่ 3 เจ้าหนี้อ้างส่งสำเนาสัญญากู้ยืมเงินสำเนาสัญญาค้ำประกัน สำเนาตั๋วสัญญาใช้เงิน และสำเนาคำพิพากษาศาลชั้นต้นเจ้าหนี้ฎีกาว่า ต้นฉบับเอกสารดังกล่าวอยู่ที่ศาลชั้นต้นมีเหตุขัดข้องไม่สามารถนำมามอบให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบดีเพราะในคำร้องขอเลื่อนการสอบสวนของเจ้าหนี้ได้กล่าวไว้ในคำร้องตลอดมา ซึ่งศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนการสอบสวนรวมทั้งรายงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้วไม่ปรากฏข้อเท็จจริงตามที่เจ้าหนี้ฎีกา คงมีแต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้หมายนัดให้เจ้าหนี้นำต้นฉบับเอกสารมาส่ง ซึ่งเจ้าหนี้ได้รับหมายนัดไว้โดยชอบ แต่เจ้าหนี้หาได้นำต้นฉบับเอกสารมาส่งไม่ทั้งไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบแต่อย่างใดฯลฯ ดังนั้น การที่เจ้าหนี้อ้างแต่เฉพาะสำเนาเอกสารเป็นพยานในการขอรับชำระหนี้โดยไม่ได้ส่งต้นฉบับเอกสาร จึงต้องห้ามมิให้รับฟังตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 ประกอบพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่า ลูกหนี้ที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 5 และที่ 6 เป็นหนี้เจ้าหนี้ตามสำเนาเอกสาร เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้อันดับที่ 1เป็นเงิน 22,092,569.27 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ทั้งหกนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share