คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 456/2483

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

นำหนังสือเที่ยวแจกจ่ายในที่ต่าง ๆ แล้วขอเงินและสตางค์จากประชาชนเพื่อรวบรวมเงินที่ได้รับนั้นเปเป็นค่าสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร ดังนี้ เป็นการเรี่ยรายตามความหมายใน พรบ ควบคุมการเรี่ยไร ประเด็นที่ถือว่าคู่ความรับกันแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำการเรี่ยไรเงินและสตางค์จากประชาชนเพื่อรวบรวมเงินที่ได้รับนั้นไปเป็นค่าสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร โดยใช้วิธีโฆษณาด้วยหนังสือสิ่งพิมพ์เที่ยวแจกจ่ายในที่ต่าง ๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ. ๒๔๘๐ มาตรา ๔, ๗, ๑๒,
โจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพะยาน ขอให้ศาลวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นการเรี่ยไรหรือไม่
ศาลชั้นต้นเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการเรี่ยไรพิพากษาลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ. ๒๔๘๐ มาตรา ๑๒ ปรับเป็นเงิน ๑๕ บาท
จำเลยอุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการขอทาน ไม่ใช่การเรี่ยไร
ศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการเรี่ยไรแต่ ตามมาตรา ๗ แห่ง พระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไรได้บัญญัติไว้ว่า จะทำได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ ฉะนั้นข้อได้รับอนุญาตหรือไม่จึงเป็นข้อสำคัญเป็นหน้าที่ของ โจทก์จะต้องนำสืบให้สมตามที่กล่าวในฟ้อง เมื่อโจทก์ไม่ได้นำสืบก็จะเอาผิดแก่จำเลยยังไม่ได้ พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์จำเลยได้ขอให้ศาลวินิจฉัยข้อเดียวว่า การกระทำของจำเลยเป็นการเรี่ยไรหรือไม่เท่านั้น ข้ออื่น ๆ นอกจากนี้จะเห็นได้ว่าเป็นที่รับกันแล้วที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ยังต้องนำสืบความข้อนี้อีก ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ส่วนข้อว่าการกระทำของจำเลยเป็นการเรี่ยไรหรือไม่นั้นเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการเรี่ยไร จึงพิพากษาให้ ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share