คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 455/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาขายข้าวเปลือกซึ่งเก็บไว้ในยุ้งของ ส.ให้โจทก์ร่วม และทำสัญญารับฝากข้าวเปลือกจำนวนนั้นไว้จากโจทก์ร่วม จะนำไปส่งมอบให้ภายหลังดังนี้เห็นได้ว่าข้าวเปลือกได้โอนไปเป็นของโจทก์ร่วมแล้ว เมื่อจำเลยรับฝากข้าวเปลือกของโจทก์ร่วมโดยเก็บไว้ในยุ้งที่จำเลยเช่าไว้จึงเป็นผู้ครอบครองข้าวเปลือกซึ่งเป็นของโจทก์ร่วม เมื่อจำเลยขนเอาข้าวเปลือกไปเสีย และปฏิเสธฝืนพยานหลักฐานว่าไม่มีข้าวเปลือกของจำเลยอยู่ในยุ้งดังกล่าวและจำเลยไม่เคยขายและรับฝากข้าว เปลือกจากโจทก์ร่วม เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยได้เบียดบังเอาข้าวเปลือกของโจทก์ร่วมไปโดยทุจริต จึงเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์แม้ข้าวเปลือกจะเป็นสังกมะทรัพย์ซึ่งอาจใช้ข้าวประเภทและชนิดเดียวกันมี ปริมาณจำกัดแทนกันได้แต่ก็มิใช่ว่าผู้รับฝากจะเอาไปเป็นประโยชน์สำหรับตนได้ทั้ง ๆ ที่ไม่มีสิทธิ การกระทำของจำเลยหาใช่เป็นผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้นไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองซึ่งร่วมกันครอบครองข้าวเปลือกจำนวน ๓๐ เกวียนราคา ๓๐,๐๐๐ บาทของนายเจียง แซ่กิม ได้บังอาจร่วมกันเบียดบังเอาข้าวเปลือกจำนวนดังกล่าวไว้เป็นประโยชน์ของจำเลยโดยทุจริต ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒, ๘๓ และสั่งให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาข้าวเปลือกเป็นเงิน ๓๐,๐๐๐ บาทแก่เจ้าทรัพย์
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
นายเจียงหรือย่งเจียงได้เข้าเป็นโจทก์ร่วม
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒ ให้จำคุกคนละหนึ่งปีและร่วมกันคืนข้าวเปลือก ๓๐ เกวียน หรือชดใช้ราคาเป็นเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท แก่โจทก์ร่วม
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
คดีฟังได้ว่าจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ได้ทำสัญญาขายข้าวเปลือกรวม ๓๐ เกวียน ซึ่งเก็บอยู่ในยุ้งข้าวของนายสังเวียนที่จำเลยเช่าไว้ให้โจทก์ร่วม และทำสัญญารับฝากข้าวเปลือกจำนวนนั้นไว้ให้โจทก์ร่วมจะนำไปส่งมอบให้ภายหลัง แล้วจำเลยได้ขนข้าวเปลือกไปเสีย
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ทำสัญญารับฝากข้าวเปลือกที่ได้ขายไปนั้นไว้ก่อน เห็นได้ว่าข้าวเปลือกได้โอนไปเป็นของโจทก์ร่วมแล้ว จึงได้ทำสัญญารับฝากกันอีกทอดหนึ่ง เมื่อจำเลยทั้งสองรับฝากข้าวเปลือกของโจทก์ร่วมโดยเก็บไว้ในยุ้งข้าวซึ่งจำเลยเช่าไว้ จำเลยทั้งสองจึงเป็นผู้ครอบครองข้าวเปลือกซึ่งเป็นของโจทก์ร่วม เมื่อจำเลยทั้งสองขนเอาข้าวเปลือกไปเสียและปฏิเสธฝืนพยานหลักฐานว่าไม่มีข้าวเปลือกของจำเลยทั้งสองอยู่ในยุ้งข้าว ดังกล่าว และจำเลยทั้งสองไม่เคยขายและรับฝากข้าวเปลือกจากโจทก์ร่วม เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยทั้งสองเบียดบังเอาข้าวเปลือกของโจทก์ร่วมไปโดยทุจริต การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดตามฟ้อง แม้ข้าวเปลือกโดยปกติจะเป็นสังกมะทรัพย์ ซึ่งอาจใช้ข้าวประเภทและชนิดเดียวกัน มีปริมาณเท่ากันแทนกันได้แต่ก็มิใช่ว่าผู้รับฝากจะเอาไปเป็นประโยชน์สำหรับตนได้ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีสิทธิการกระทำของจำเลยหาใช่เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ มีความผิดตามฟ้องให้ลงโทษจำเลยทั้งสองและให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาข้าวเปลือกไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share