คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 454/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยจ้างเหมา ม. ปลูกสร้างโรงเรียนในที่ดินที่จำเลยมีสิทธิครอบครอง. โจทก์เป็นผู้รับเหมาช่วงจาก ม.. เมื่อม. คู่สัญญาจำเลยได้มอบอาคารพิพาทซึ่งก่อสร้างให้แก่จำเลยเป็นลายลักษณ์อักษรตามข้อตกลงในหนังสือสัญญาที่ทำไว้ต่อกัน. จึงเป็นการที่จำเลยรับมอบอาคารพิพาทไว้โดยชอบ และย่อมเป็นเหตุให้จำเลยมีสิทธิใช้อาคารได้โดยชอบด้วยกฎหมาย. การที่จำเลยเข้าใช้อาคารพิพาทจึงไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์.ส่วนการที่ ม. ได้ทำสัญญากับโจทก์เกี่ยวกับอาคารพิพาทนั้น เป็นเรื่องระหว่าง ม. กับโจทก์เท่านั้น. ไม่เกี่ยวข้องกับจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกด้วย. เมื่อ ม.ทำผิดสัญญาที่ทำไว้กับโจทก์. โจทก์ก็ต้องฟ้องร้องว่ากล่าวเอาแก่ ม..

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำสัญญารับเหมาปลูกสร้างอาคารโรงเรียนให้แก่นายมานพ สุทธิเจริญ ตกลงกันว่า เมื่อโจทก์ปลูกสร้างเสร็จแล้ว การมอบหมายจะทำเป็นลายลักษณ์อักษร ต่อมาโจทก์ปลูกสร้างเสร็จยังไม่ทันส่งมอบให้นายมานพ จำเลยอ้างตนว่าเป็นเจ้าของโรงเรียนพาณิชการมักกะสัน และเป็นผู้ว่าจ้างนายมานพปลูกสร้าง ได้ทำละเมิดต่อโจทก์ คือ เข้ายึดถือครอบครองอาคารที่โจทก์ปลูกสร้าง จึงฟ้องขอให้ขับไล่และให้ใช้ค่าเสียหาย ฯลฯ จำเลยให้การว่า จำเลยจ้างเหมานายมานพให้ปลูกสร้างในที่ที่จำเลยมีสิทธิครอบครอง โจทก์เป็นผู้รับเหมาช่วงจากนายมานพต้องเรียกค่ารับเหมาจากนายมานพ ฯลฯ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ฎีกาโจทก์ในปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าที่จำเลยเข้าไปใช้อาคารพิพาทเป็นโรงเรียนนั้น การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยไม่ได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ ในการที่โจทก์รับจ้างเหมาก่อสร้างอาคารกับนายมานพ สุทธิเจริญ นั้นจำเลยไม่ได้เกี่ยวข้องรู้เห็นด้วย จำเลยเป็นเพียงผู้จ้างเหมานายมานพ สุทธิเจริญ ก่อสร้างอาคารพิพาท จึงเป็นคู่สัญญากับนายมานพสุทธิเจริญ เท่านั้น เมื่อนายมานพ สุทธิเจริญ คู่สัญญาของจำเลยได้มอบอาคารพิพาทซึ่งก่อสร้างในที่ดินซึ่งจำเลยเช่ามาให้แก่จำเลยเป็นลายลักษณ์อักษรตามข้อตกลงในหนังสือสัญญาจ้างที่ทำไว้ต่อกันจึงเป็นการที่จำเลยได้รับมอบอาคารพิพาทไว้โดยชอบและย่อมเป็นเหตุให้จำเลยมีสิทธิที่จะใช้อาคารพิพาทได้โดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่ได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ และทำผิดสัญญาต่อโจทก์อย่างไร และไม่ปรากฎว่าจำเลยได้ทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายจนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายประการอื่นอีก ฉะนั้น การที่จำเลยเข้าใช้อาคารพิพาทจึงไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ด้วยประการใด ๆ ส่วนการที่นายมานพสุทธิเจริญ จะได้ทำสัญญากับโจทก์เกี่ยวกับอาคารพิพาทไว้ประการใดนั้น เป็นเรื่องระหว่างนายมานพกับโจทก์เท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องถึงจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เมื่อนายมานพทำผิดสัญญาที่ทำไว้กับโจทก์ โจทก์ก็ต้องฟ้องร้องว่ากล่าวเอาแก่นายมานพ พิพากษายืน.

Share