แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าของนาที่อยู่ใต้น้ำ จำต้องรับน้ำที่ไหลบ่ามาจากนาทางเหนือน้ำ ตามสภาพปกติ ถ้าไปกั้นคันนาของตนให้สูงขึ้นทำให้น้ำไหลบ่าไปไม่ได้เป็นเหตุให้นาทางเหนือน้ำน้ำท่วมและทำนาไม่ได้แล้ว เจ้าของนาทางเหนือน้ำ ก็มีสิทธิฟ้องขอให้เปิดคันนาให้น้ำไหลไปอย่างสภาพเดิมได้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดคันนาที่จำเลยกั้นขึ้นสูงกว่าเดิม ทำให้น้ำไหลบ่าไปไม่ได้เป็นเหตุให้น้ำท่วมนาโจทก์ ทำนาไม่ได้ และทำให้ข้าวกล้าในนาที่ปักดำไว้เสียหายเรียกค่าเสียหายด้วย นั้น แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าขณะฟ้องโจทก์ยังไม่ได้ปลูกข้าวจึงไม่การเสียหายในเรื่องข้าวก็ดี ศาลก็พิพากษาให้จำเลยเปิดคันนาให้น้ำไหลไปอย่างสภาพเดิมได้
ย่อยาว
นาโจทก์อยู่เหนือน้ำ นาจำเลยอยู่ใต้น้ำเวลาฝนตกมาก การทำนาต้องอาศัยน้ำฝนไหลไปทางนาจำเลย จึงทำนาได้ บัดนี้จำเลยกั้นคันนาขึ้นสูง ทำให้น้ำไหลบ่าไปไม่ได้ เป็นเหตุให้น้ำท่วมนาโจทก์ ทำนาไม่ได้ตามปกติ โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยเปิดหรือทำลายคันนาให้น้ำไหลและเรียกค่าเสียหายในการที่น้ำท่วมข้าวกล้าของโจทก์ ที่ปักดำไว้เสียหาย
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ยังหาได้ปลูกข้าวในนาโจทก์จึงไม่มีการเสียหายคงพิพากษาให้จำเลยเปิดคันนาของจำเลย แต่อย่างเดียว
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า เมื่อศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่า น้ำท่วมนาโจทก์ ๆ ยังไม่ได้ปลูกข้าว จึงยังไม่เสียหายตามฟ้อง เมื่อไม่เสียหายก็ฟ้องจำเลยไม่ได้
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องทั้งเรียกค่าเสียหายและขอให้บังคับจำเลยทำลายคันนาให้น้ำไหลตามสภาพเดิมด้วย เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าการที่จำเลยกั้นคันนาสูงขึ้นทำให้น้ำไหลบ่าไปไม่ได้ เป็นเหตุให้น้ำท่วมนาโจทก์ และทำนาไม่ได้ ก็นับว่าเป็นการเสียหายอย่างหนึ่งแม้ขณะนั้นโจทก์จะยังไม่ได้ปลูกข้าว ก็ฟ้องจำเลยได้ จึงพิพากษาให้ยกฎีกาจำเลยเสีย