คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4529/2536

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

หลังจากผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานสรรพสามิตยึดสุราของจำเลยไปแล้ว จำเลยตามไปที่ห้องเปรียบเทียบปรับกรมสรรพสามิต จำเลยพูดกับผู้เสียหายว่าพวกมึงเก่งแต่จับเหล้าไปต่อยกับกูข้างนอกไหมเป็นคำกล่าวที่ไม่สุภาพและไม่สมควรเป็นการพูดเปรยขึ้นมาเพื่อประชดประชันผู้เสียหายโดยเจตนาท้าทายผู้เสียหายให้ออกไปชกต่อยกับจำเลยเท่านั้นหาใช่เป็นการเหยียดหยามดูหมิ่นผู้เสียหายไม่ จึงไม่ผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 136 วรรคแรก ฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติราชการตามหน้าที่ และต้องรับโทษหนักขึ้นตามวรรคสอง (ที่ถูกน่าจะเป็นมาตรา 136) วางโทษจำคุก 2 เดือน และจำเลยมีความผิดตามมาตรา 309 วรรคสอง, มาตรา 392 แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 309 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทหนักวางโทษจำคุก 4 เดือน จำเลยผิดต่อพระราชบัญญัติ อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง,มาตรา 72 ทวิ วรรคสอง และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371วางโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 72 ทวิ วรรคสองซึ่งเป็นบทหนัก ปรับ 1,000 บาท รวมจำคุก 6 เดือน ปรับ 1,000 บาทข้อหาและคำขออื่นให้ยก จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า หลังจากผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานสรรพสามิตยึดสุราของจำเลยไปแล้ว จำเลยตามไปที่ห้องเปรียบเทียบปรับกรมสรรพสามิต จำเลยพูดกับผู้เสียหายว่า “พวกมึงเก่งแต่จับเหล้า ไปต่อยกับกู้ข้างนอกไหม”ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า คำพูดของจำเลยดังกล่าวเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่หรือไม่ เห็นว่าถ้อยคำที่จำเลยกล่าวต่อผู้เสียหายนั้นเป็นคำกล่าวที่ไม่สุภาพและไม่สมควร การที่จำเลยพูดเช่นนั้น เห็นได้ว่าเป็นการพูดเปรยขึ้นมาเพื่อประชดประชันผู้เสียหายโดยเจตนาท้าทายให้ออกไปชกต่อย กับจำเลยเท่านั้น หาใช่เป็นการเหยียดหยามดูหมิ่นผู้เสียหายแต่ประการใดไม่ จึงไม่ผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share