คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4526/2550

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ป.พ.พ. มาตรา 563 หมายถึง การฟ้องคดีในกรณีที่ผู้เช่าปฏิบัติผิดหน้าที่ของผู้เช่าโดยทั่วไปตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 552 ถึงมาตรา 562 แต่กรณีที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นค่าไฟฟ้าที่จำเลยค้างชำระและค่าขาดประโยชน์จากการที่โจทก์ไม่ได้รับค่าเช่าจากจำเลยครบถ้วนตามสัญญา ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือกฎหมายอื่นมิได้บัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปี ตามมาตรา 193/30

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2541 โจทก์ได้ตกลงให้จำเลยเช่าโรงน้ำแข็งพร้อมด้วยตัวอาคาร เครื่องจักร และอุปกรณ์ต่างๆ ของโจทก์มีกำหนดระยะเวลา 3 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2541 ค่าเช่าปีแรกเดือนละ 100,000 บาท ปีที่สองเดือนละ 140,000 บาท ปีที่สามเดือนละ 155,000 บาท โดยมีข้อตกลงว่าจำเลยจะเป็นผู้ชำระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ในกรณีที่โจทก์ได้ทดรองชำระค่าภาษี ค่าธรรมเนียม หรือค่าใช้จ่ายอื่นใดแทนจำเลยไปก่อน จำเลยชำระคืนให้โจทก์ภายใน 15 วัน ต่อมาเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2541 จำเลยได้มีหนังสือบอกเลิกการเช่าไปยังโจทก์โดยขอเลิกสัญญาเช่าตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2541 เป็นต้นไป การที่จำเลยบอกเลิกการเช่าก่อนครบกำหนดอายุสัญญา ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายและในระหว่างที่จำเลยเช่านั้นจำเลยได้ค้างชำระค่าเช่า ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปาอยู่เป็นจำนวนมาก โจทก์จึงไม่ยอมให้จำเลยเลิกสัญญา เว้นแต่จำเลยจะได้ชำระค่าเช่าทั้งหมดจนครบระยะเวลาการเช่า 3 ปี และชำระหนี้ที่ค้างโดยได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยทราบ จำเลยได้รับหนังสือของโจทก์แล้ว ยังคงเพิกเฉยและได้หยุดกิจการโรงน้ำแข็งรวมทั้งขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากโรงน้ำแข็ง โจทก์จึงหาผู้เช่ารายใหม่ และมีหนังสือแจ้งบอกเลิกการเช่าไปยังจำเลยพร้อมกับทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ที่ค้าง จำเลยได้รับหนังสือแล้ว แต่ยังคงเพิกเฉย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 3,621,818.84 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 3,424,472.08 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ เนื่องจากจำเลยบอกเลิกสัญญาเช่าและส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าคืนโจทก์ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2541 และโจทก์ตอบตกลงเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2541 แต่โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อล่วงเลยกำหนด 6 เดือน นับแต่วันรู้ว่าจำเลยบอกเลิกสัญญาเช่าและโจทก์ตอบตกลง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 768,082.49 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 758,263.85 บาท นับแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2542 และต้นเงิน 9,818.64 บาท นับตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2543 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 478,082.49 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2542 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังเป็นที่ยุติว่า เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2541 จำเลยทำสัญญาเช่าโรงน้ำแข็งซึ่งอยู่ในท่าเทียบเรือประมงนครศรีธรรมราชพร้อมอุปกรณ์จากโจทก์มีกำหนด 3 ปี ตกลงชำระค่าเช่าปีแรก เดือนละ 100,000 บาท ปีที่สองเดือนละ 140,000 บาท ปีที่สามเดือนละ 155,000 บาท ต่อมาวันที่ 14 สิงหาคม 2541 จำเลยมีหนังสือบอกเลิกสัญญากับโจทก์มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2541 หลังจากสิ้นเดือนสิงหาคม 2541 จำเลยหยุดดำเนินกิจการโรงน้ำแข็งและขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากโรงน้ำแข็ง ต่อมาโจทก์มีหนังสือบอกเลิกสัญญากับจำเลยโดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2541 และโจทก์สงวนสินธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลย หลังจากนั้นโจทก์เปิดประมูลเพื่อหาผู้เช่าโรงน้ำแข็งรายใหม่ ปรากฏว่านายพรชัย ฮวดวัฒนา ยื่นซองประมูลเพียงรายเดียวโดยเสนอค่าเช่าเดือนละ 50,000 บาท โจทก์ตกลงให้นายพรชัยเช่าโรงน้ำแข็งมีกำหนด 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2542 เป็นต้นไป คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์และจำเลยประการแรกว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า สัญญาเช่าโรงน้ำแข็งตามเอกสารหมาย จ.6 ได้เลิกกันตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2541 จำเลยกับบริวารออกจากโรงน้ำแข็งของโจทก์ก่อนสัญญาเลิกกันแล้ว โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเกิน 6 เดือน นับแต่วันที่จำเลยส่งคืนทรัพย์สินที่เช่า ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 563 เห็นว่า โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเป็นค่าไฟฟ้า และค่าขาดประโยชน์จากทรัพย์สินที่ให้เช่าเนื่องจากจำเลยขอเลิกสัญญาเช่าก่อนครบกำหนด ซึ่งคดีที่ผู้ให้เช่าจะต้องฟ้องผู้เช่าเกี่ยวกับสัญญาเช่าภายในกำหนด 6 เดือน นับแต่วันส่งคืนทรัพย์สินที่เช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 563 หมายถึง การฟ้องคดีในกรณีที่ผู้เช่าปฏิบัติผิดหน้าที่ของผู้เช่าโดยทั่วไปตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 552 ถึงมาตรา 562 แต่คดีนี้เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นค่าไฟฟ้าที่จำเลยค้างชำระและค่าขาดประโยชน์จากการที่โจทก์ไม่ได้รับค่าเช่าจากจำเลยครบถ้วนตามสัญญา ค่าเสียหายทั้งสองกรณีนี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือกฎหมายอื่นมิได้บัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะ คดีจึงมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 เมื่อสัญญาเช่าโรงน้ำแข็งระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นอันเลิกกันในวันที่ 1 กันยายน 2541 โจทก์ยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2543 ยังไม่พ้นกำหนด 10 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้เป็นพับ

Share