คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4519/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ซื้อรถคันพิพาทจากจำเลยที่ 1 โดยชำระราคาบางส่วนและได้กรรมสิทธิในรถคันพิพาทแล้ว แต่โจทก์ยินยอมให้จำเลยที่ 1 ยึดรถไปเพราะโจทก์ยังชำระราคารถคันดังกล่าวไม่ครบตามสัญญา และหนี้นั้นถึงกำหนดชำระแล้วจำเลยที่ 1 ซึ่งครอบครองรถคันพิพาทอยู่โดยชอบด้วยกฎหมายย่อมมีสิทธิยึดหน่วงรถคันดังกล่าวไว้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้ ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241 และมาตรา 468

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลมีจำเลยที่ ๓ ที่ ๙ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ ๒ เป็นเจ้าพนักงานตำรวจโจทก์ซื้อรถแทรกเตอร์จากจำเลยที่ ๑ ที่ ๓ และที่ ๔ จำนวน ๑ คัน โจทก์ชำระราคาครบถ้วนและได้รับรถแทรกเตอร์แล้ว ต่อมาจำเลยทั้งสี่ได้ยึดรถแทรกเตอร์ของโจทก์ไปทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้พิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ส่งมอบรถแทรกเตอร์ตามฟ้องคืนให้โจทก์และใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทั้งสี่ให้การและฟ้องแย้งว่าโจทก์ซื้อรถคันพิพาทของจำเลยที่ ๑ พร้อมผาลไถ ๑ ชุด ในราคาเงินสดโดยจะต้องชำระเงินให้ครบภายใน ๙ เดือน มิฉะนั้นต้องซื้อในราคาเงินผ่อนกำหนดเวลาชำระ ๒๔ เดือน ขณะนี้โจทกยังชำระค่ารถไม่ครบ คงค้างชำระอยู่ ๑๗๗,๒๒๐ บาท ต่อมาโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ที่ ๓ และที่ ๔ มาพบจำเลยที่ ๒ ตกลงกันว่าจะนำรถคันพิพาทเก็บรักษาไว้ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกาญจนบุรี แล้วโจทก์จะนำเงินที่ค้างมาชำระภายใน ๔ วัน มิฉะนั้นยอมให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ และที่ ๔ นำรถคันพิพาทไปเก็บรักษาไว้เอง แต่โจทก์ไม่นำเงินมาชำระจำเลยที่ ๑ ที่ ๓ และที่ ๔ จึงนำรถคันพิพาทไปเก็บรักษาไว้โจทก์ไม่เสียหาย ขอให้ยกฟ้องและให้โจทก์ชำระค่ารถที่ค้างพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องแย้งจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแล้วจำเลยที่ ๑ ที่ ๓ และที่ ๔ จะมอบรถคันพิพาทให้โจทก์ ถ้าโจทก์ไม่ชำระเงินขอให้มีคำสั่งขายทอดตลาดรถคันพิพาทนำเงินที่ค้างชำระให้แก่จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ ที่ ๔ จนครบ ส่วนที่เกินขอคืนให้โจทก์
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า การซื้อขายรถคันพิพาทเป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดโดยโจทก์ชำระราคาทั้งเงินสดและเช็ค จำเลยไม่มีอำนาจยึดรถคันพิพาทจากโจทก์ และไม่มีสิทธิยึดหน่วง ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ และที่ ๔ คืนรถแทรกเตอร์แก่โจทก์ ให้โจทก์ชำระราคารถเป็นเงิน ๙๑,๖๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ยกฟ้องจำเลยที่ ๒ ยกคำขออื่นตามฟ้องและฟ้องแย้ง ค่าฤชาธรรมเนียม ให้เป็นพับ
โจทก์และจำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะราคารถเป็นว่าให้โจทก์ชำระราคารถแทรกเตอร์คันพิพาทที่ค้างให้จำเลยที่ ๑ เป็นเงิน ๑๐๔,๗๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยทั้งสี่ฎีกา โจทก์ถึงแก่กรรมระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ศาลฎีกาอนุญาตให้ผู้จัดการมรดกของโจทก์เข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ซื้อรถแทรกเตอร์คันพิพาทจากจำเลยที่ ๑ โดยชำระราคาบางส่วนและจำเลยที่ ๑ ได้ส่งมอบรถคันพิพาทให้แก่โจทก์กรรมสิทธิ์ตกเป็นของโจทก์แล้ว ต่อมาโจทก์ยอมให้จำเลยเอารถไปไว้ที่สถานีตำรวจ การกระทำของจำเลยทั้งสี่จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า แม้โจทก์จะมีกรรมสิทธิ์ในรถคันพิพาท แต่โจทก์ยินยอมให้จำเลยที่ ๑ ยึดรถไปเพราะโจทก์ยังชำระราคารถคันดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ ๑ ไม่ครบตามสัญญา และหนี้นั้นถึงกำหนดชำระแล้วจำเลยที่ ๑ ซึ่งครอบครองรถคันพิพาทอยู่โดยชอบด้วยกฎหมาย จึงมีสิทธิยึดหน่วงรถคันดังกล่าวไว้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๔๑ และมาตรา ๔๖๘ ฯลฯ
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ และที่ ๔ ไม่ต้องคืนรถแทรกเตอร์คันพิพาทแก่โจทก์จนกว่าจะได้รับชำระราคาจำนวน ๑๐๔,๖๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยครบถ้วน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share