แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เข้ากระทำอนาจารหญิงซึ่งนอนหลับอยู่คนเดียวในห้องไม่มีบานประตูในเวลากลางคืน หญิงร้องขึ้นแล้วบิดาหญิงจุดไปมาดูนั้น ไม่เป็นการกระทำเกิดขึ้นต่อหน้าธาระกำนันนับว่าเป็นความผิดส่วนตัว ความผิดส่วนตัวนั้นเมื่อได้ทำยอมความกันแล้วย่อมหมดอำนาจนำคดีมาฟ้องร้องแม้จำลยไม่ปฏิบัติตามสัญญายอมก็ไม่สำคัญ
ย่อยาว
ได้ความว่าคืนเกินเหตุ เจ้าทุกข์ผู้เดียวนอนหลับในห้องเรือนซึ่งเปิดอยู่โล่ง ๆ ไม่มีบานประตู ครั้นตอนดึกเจ้าทุกข์รู้สึกว่ามีคนมาจับข้อมือ จึงลุกขึ้นสบัดหลุดและแลเห็นจำเลย แล้วจำเลยเอามือข้าหนึ่งกอดคออีกข้าง ๑ แก้ชายพกเจ้าทุกข์แต่แก้ไม่ได้ โดยเจ้าทุกข์เรียกบิดาซึ่งนอนอยู่นอกห้องให้ช่วย บิดาเจ้าทุกข์จุดไฟเข้าไปถามจำเลยว่าเหตุใดทำเช่นนี้ จำเลยไม่ตอบกลับนอนลงบนที่นอนเจ้าทุกข์ บิดาเจ้าทุกข์ได้เชิญบิดาจำเลยแลผู้ใหญ่บ้านมายังที่เกิดเหตุ และได้เรียกจำเลย ๆ ก็ไม่ลุกขึ้น ต่อรุ่งเช้าจำเลยจึงลุกขึ้น และรับผิดต่อเจ้าทุกข์ขอเลิกคดียอมเสียค่าเสียหายให้ ๒๐ บาท เจ้าทุกข์ก็ยอมผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้เขียนสัญญาว่าจำเลยจะนำเงินไปใช้ให้ใน ๑ เดือน ถึงกำหนดแล้วจำเลยไม่ใช้ เจ้าทุกข์จึงไปแจ้งความต่ออำเภอ โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๖๐-๒๔๓-๒๔๖
ศาลเดิมเห็นว่าจำเลยทำผิดต่อหน้าบิดาเจ้าทุกข์ นับว่าเป็นการกระทำต่อหน้าธาระกำนัน ไม่ใช่ความผิดส่วนตัวเจ้าทุกข์ยอมความไม่ได้ ให้จำคุกจำเลย ๑ ปี ๖ เดือนตามมาตรา ๒๔๖
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยกระทำผิดในห้องนอนเจ้าทุกข์ซึ่งเป็นที่ลับ เมื่อเจ้าทุกข์ร้องขึ้นบิดาเจ้าทุกข์เข้าไปเห็นการกระทำของจำเลยด้วยนั้น พฤตติการณ์เช่นนี้ยังไม่ควรเรียกว่าเป็นการกระทำต่อหน้าธาระกำนัน คดีนี้จึงเป็นคดีความผิดส่วนตัว เมื่อเจ้าทุกข์กับจำเลยทำสัญญายอมเลิกคดีกันแล้ว ตามกฎหมายลักษณอาชญามาตรา ๘๑ ย่อมหมดอำนาจนำคดีมาฟ้องทางอาชญา จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ยืนตามศาลอุทธรณ์