คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4498/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องกับจำเลยอยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสได้ร่วมกันประกอบธุรกิจ และใช้เงินซึ่งทำมาหาได้ด้วยกันซื้อทรัพย์ที่โจทก์นำยึดทรัพย์ดังกล่าวจึงเป็นของผู้ร้องกับจำเลยร่วมกัน ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของรวมจึงร้องขัดทรัพย์ไม่ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ร่วมกันชำระหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อและค้ำประกัน ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินพร้อมดอกเบี้ย จำเลยทั้งสองไม่ชำระ โจทก์นำบังคับคดียึดทรัพย์สิน ๓ รายการ คือ สิทธิการเช่าโทรศัพท์เครื่องแยกสายโทรศัพท์มาสเตอร์คอนโทรล และเครื่องนาฬิกาตอกบัตรเวลา
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้อง ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
โจทก์คัดค้านว่าทรัพย์เหล่านั้นเป็นของจำเลยที่ ๒ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ทรัพย์ที่ยึดทั้ง ๓ รายการเป็นของจำเลยที่ ๒ มีคำสั่งให้ยกฟ้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาวินิจฉัยมีว่า จำเลยที่ ๒ ผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ยึดหรือไม่ เห็นว่าข้อเท็จจริงได้ความจากคำเบิกความของนายธีรพงษ์ ป้อมสะแกผู้รับมอบอำนาจจากผู้ร้องว่า ผู้ร้องกับจำเลยที่ ๒ เป็นสามีภรรยาและอยู่กินด้วยกันแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ตามสำเนาภาพถ่ายทะเบียนบ้านเลขที่ ๑๑๘/๔ หมู่ ๒ ตำบลบางเขน อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี เอกสารหมาย ค.๑ มีชื่อจำเลยที่ ๒ เป็นเจ้าบ้านและมีชื่อผู้ร้องกับบุตรของผู้ร้องกับจำเลยที่ ๒ จำนวน ๒ คน คือเด็กหญิงกัลยา พันธุ์พิทักษ์ เกิดปี พ.ศ. ๒๕๑๗ กับเด็กชายสุวัจชัย พันธุ์พิทักษ์ เกิดปี พ.ศ. ๒๕๑๘ อยู่ในทะเบียนบ้านด้วย ซึ่งบ้านเลขที่ ๑๑๘/๔ นี้ก็คือที่ตั้งโรงแรม ๗๓ ที่จำเลยที่ ๒ ได้รับใบอนุญาตเปิดโรงแรมในปี ๒๕๒๖ รายละเอียดปรากฏตามเอกสารหมาย ร.๗ อันเป็นสถานที่เดียวกันกับบ้านที่ผู้ร้องกับจำเลยที่ ๒ และบุตรอาศัยอยู่ด้วยกันนั่นเองนอกจากนี้ข้อเท็จจริงยังได้ความจากคำเบิกความของนายธีระพงษ์พยานผู้ร้องอีกว่าโรงแรมและที่ดินที่ปลูกโรงแรมเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องได้นำไปขายฝากนางศิริพรอนุเคราะห์ดิลก ไว้ ตามหนังสือสัญญาขายฝากที่ดินเอกสารหมาย ร.๓ และ ร.๔ ข้อเท็จจริงจึงเชื่อได้ว่าผู้ร้องกับจำเลยที่ ๒ ซึ่งอยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส ได้ร่วมกันประกอบธุรกิจกิจการโรงแรม ๗๓ และเงินที่นำไปใช้ซื้อทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นเงินของผู้ร้องกับจำเลยที่ ๒ ซึ่งทำมาหาได้ร่วมกันหาใช่เป็นของผู้ร้องหรือจำเลยที่ ๒ ฝ่ายเดียวดังที่ผู้ร้องและโจทก์อ้างไม่ ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดจึงเป็นของจำเลยที่ ๒ กับผู้ร้องร่วมกัน ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของรวมจึงร้องขัดทรัพย์ไม่ได้
พิพากษายืน.

Share