คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4484/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้รับหมายเรียกและสำเนาฟ้องในวันที่ 19 มีนาคม 2529 แต่ยื่นคำให้การในวันที่ 28 มีนาคม 2529 แม้ในหมายเรียกจะเขียนไว้ว่า รับวันที่ 20 มีนาคม 2529 แต่ในชั้นไต่สวนจำเลยมิได้นำสืบว่าใครเป็นผู้เขียนและจำเลยได้รับหมายในวันที่ 20 มีนาคม 2529 เมื่อจำเลยยื่นคำให้การเกินกำหนดไป 1 วัน จึงถือได้ว่าจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องจำเลยฐานผิดสัญญาจ้างเหมาค่าแรงเป็นเงิน ๑๘๘,๑๖๑.๔๐ บาท
จำเลยยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยยื่นเกินกำหนดจึงไม่รับ
จำเลยยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วสั่งไม่อนุญาตให้ยื่นคำให้การ จำเลยแถลงคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาจะต้องวินิจฉัยว่า จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การหรือไม่นั้น เห็นว่าจำเลยได้รับหมายเรียกและสำเนาฟ้องวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๒๙ แต่จำเลยยื่นคำให้การวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๒๙ เกินกำหนดไป ๑ วัน นางสาวฐิติรัตน์ ตันติกุลวิจิตร ทนายจำเลยเบิกความว่า ที่ยื่นคำให้การในวันดังกล่าวเนื่องจากเข้าใจว่าจำเลยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๒๙ เพราะในหมายเรียกเอกสารหมาย ล.๑ เขียนไว้ว่า รับวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๒๙ ผู้ใดเป็นผู้เขียนจำเลยก็ไม่นำสืบ ในชั้นไต่สวนจำเลยมิได้นำสืบว่าจำเลยได้รับในวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๒๙ จำเลยยื่นคำให้การเกินกำหนดไป ๑ วัน จึงถือได้ว่าจงใจขาดนัด ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นยกคำร้องของจำเลยชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share