คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 448/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ไม้ของกลางซึ่งประกอบเป็นโครงเรือนเป็นไม้ที่อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างจึงไม่เป็นไม้แปรรูปตามมาตรา 4 (4) แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่4) พ.ศ. 2503 แม้เรือนนั้นจะยังปลูกสร้างไม่สำเร็จและยังใช้อยู่อาศัยไม่ได้ก็ตาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีไม้สักแปรรูปไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๔๘, ๗๓, ๗๔ (ฉบับที่๔) พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๑๗, ๑๘ และริบไม้ของกลาง
ได้ความว่าไม้ของกลางที่จับได้ส่วนหนึ่งได้ใช้ปลูกบ้านโดยกเสาขึ้นทุกเสาแล้วใส่รอดมีชื่อมีแป มีอกไก่ มีจั่วหลังคายังไม่มีไม้ระแนง ตงไม่มี ฝาไม่มี ประตูหน้าต่างไม่มี นอกจากที่ใช้ประกอบเป็นโครงบ้านแล้วยังมีไม้แปรรูปอยู่อีก ซึ่งเจ้าพนักงานผู้จับได้บันทึกและหมายเตุไว้ว่า รายการเลจที่ ๑ – ๗ กำลังทำการปลูกสร้าง เลขที่ ๘-๑๔ ยังไม่ได้ทำการปลูกสร้าง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้อง จำคุก ๒ ปี และริบไม้ของกลางทั้งหมด
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ไม้ของกลางส่วนที่จำเลยใช้ประกอบเป็นโครงเรือนแล้ว ไม่ผิดตามฟ้องพิพากษาแก้ ให้ตัดบทลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๑๘ ออก ให้จำคุก ๑ ปี ไม้ของกลางที่จำเลยใช้ประกอบเป็นโครงเรือนแล้วไม่ริบ นอกนั้นเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาว่า ไม้ของกลางส่วนที่จำเลยใช้ประกอบเป็นโครงเรือนเป็นไม้แปรรูป ควบริบทั้งสิ้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่๔) พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๔ (๔) บัญญัติว่า ไม้ที่ได้แปรรูปแล้ว แต่ไม่รวมถึงไม้ที่อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างหรืออยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้ ทั้งนี้ตลอดเวลาที่อยู่ในสภาพเช่นนั้นศาลฎีกาเห็นว่า ไม้ของกลางประกอบโครงเรือนดังกล่าว เป็นไม้ที่จำเลยใช้ปลูกเรือน จึงอยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างและเมื่อมีสภาพเช่นนั้นแล้ว แม้การปลูกสร้างจะยังไม่สำเร็จและใช้อยู่อาศัยไม่ได้ดังที่โจทก์ฎีกา ก็ไม่ถือว่าเป็นไม้แปรรูป พิพากษายืน

Share