คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4472/2551

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์มีภูมิลำเนาอยู่ที่กรุงเทพมหานคร การตกลงรับ ก. ผู้ตายเป็นสมาชิกของจำเลยพิจารณาอนุมัติที่กรุงเทพมหานคร แต่เมื่อการสมัครสมาชิกของจำเลยและการขอเปิดบัญชีเงินฝากของ ก. กระทำโดยผ่านทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาสุรินท์ และต่อมาจำเลยได้ตกลงรับ ก. เป็นสมาชิก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาสุรินทร์จึงมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามข้อตกลงในการเป็นสมาชิกของจำเลย ถือได้ว่ามูลคดีนี้เกิดขึ้นที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรสาขาสุรินทร์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 4 (1)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภทสมาคม เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2533 นายกวนไต๋บิดาของโจทก์สมัครเป็นสมาชิกของจำเลยและได้ชำระเงินค่าบำรุงสมาคมเงินสงเคราะห์ศพล่วงหน้า รวมทั้งเงินที่ชำระแก่สมาชิกเมื่อถึงแก่ความตาย โดยโจทก์ยินยอมให้จำเลยหักเงินจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ร่วมกัน ประเภทไม่ใช้สมุดคู่ฝาก ซึ่งจำเลยให้โจทก์และนายกวนไต๋ร่วมกันเปิดไว้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงานใหญ่ (ปัจจุบันคือสาขานางเลิ้ง) ในชื่อโจทก์ต่อมาวันที่ 21 กันยายน 2546 นายกวนไต๋ถึงแก่ความตาย โจทก์ในฐานะทายาทผู้มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์ในลำดับแรกแจ้งให้จำเลยชำระเงินดังกล่าว แต่จำเลยปฏิเสธโดยอ้างว่านายกวนไต๋ได้ถูกคัดชื่อออกจากการเป็นสมาชิกของจำเลยแล้ว ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 96,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ต่อศาลชั้นต้น เนื่องจากจำเลยมีภูมิลำเนาที่กรุงเทพมหานครและมูลคดีเกิดที่กรุงเทพมหานคร ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องต่อศาลชั้นต้น (ศาลแขวงสุรินทร์) หรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 (1) บัญญัติว่า “คำฟ้องให้เสนอต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล หรือต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาล ไม่ว่าจำเลยจะมีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาญาจักรหรือไม่” คำว่ามูลคดี หมายถึงต้นเหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิอันจะทำให้เกิดอำนาจฟ้องร้องตามสิทธิและในแต่ละมูลคดีอาจเกิดขึ้นหลายแห่ง คดีนี้ข้อเท็จจริงปรากฏว่า จำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทสมาคม มีวัตถุประสงค์เพื่อทำการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันในการจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวของสมาชิกซึ่งถือแก่ความตายด้วยเงินสงเคราะห์ โดยไม่ประสงค์จะหากำไรมาแบ่งปันกัน ในการดำเนินการรับสมัครสมาชิกของจำเลย จำเลยกระทำโดยมีหนังสือเวียนไปตามธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรสาขาต่างๆ เนื่องจากผู้ที่จะเป็นสมาชิกของจำเลยได้จะต้องเป็นพนักงานของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรทั่วประเทศ เป็นบิดามารดาของพนักงานหรือเป็นบิดามารดาของคู่สมรสพนักงาน และผู้สมัครต้องมีบัญชีเงินฝากกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงานใหญ่ หลังจากจำเลยมีหนังสือเวียนไปที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาสุรินทร์แล้ว นายกวนไต๋บิดาโจทก์ซึ่งเป็นพนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาสุรินทร์ ได้สมัครเป็นสมาชิกของจำเลยโดยระบุให้โจทก์เป็นผู้รับเงินสงเคราะห์ในลำดับแรก พร้อมกับขอเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ร่วมกันประเภทไม่ใช้สมุดคู่ฝากในชื่อโจทก์ไว้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงานใหญ่ เพื่อให้จำเลยหักเงินจากบัญชีดังกล่าวเป็นค่าบำรุงสมาคม เงินสงเคราะห์ศพล่วงหน้า รวมทั้งเงินที่ชำระแก่สมาชิกเมื่อถึงแก่ความตาย โดยผู้จัดการและสมุห์บัญชีของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรสาขาสุรินทร์ร่วมกันลงลายมือชื่อรับรองว่านายกวนไต๋เป็นผู้ฝากเงินกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงานใหญ่และมีคุณสมบัติถูกต้องตามข้อบังคับของจำเลยทุกประการ จากนั้นธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาสุรินทร์ จะส่งเอกสารการสมัครดังกล่าวพร้อมทั้งหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องไปให้จำเลยซึ่งมีที่ทำการอยู่ที่กรุงเทพมหานครพิจารณาอนุมัติ จากข้อเท็จจริงดังกล่าว เห็นว่า แม้จำเลยจะมีภูมิลำเนาอยู่ที่กรุงเทพมหานครและการตกลงรับนายกวนไต๋เป็นสมาชิกของจำเลยมีการพิจารณาอนุมัติที่กรุงเทพมหานครก็ตาม แต่เมื่อการสมัครสมาชิกของจำเลยและการขอเปิดบัญชีเงินฝากของนายกวนไต๋ดังกล่าวกระทำโดยผ่านทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาสุรินทร์ และต่อมาจำเลยก็ตกลงรับนายกวนไต๋เป็นสมาชิก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาสุรินทร์ จึงมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุอันเป็นเรื่องแห่งการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามข้อตกลงในการเป็นสมาชิกของจำเลย ถือได้ว่ามูลคดีนี้เกิดขึ้นที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาสุรินทร์ ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 (1) ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาประเด็นอื่นต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share