คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4470/2543

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

แม้ขณะผู้ร้องยื่นคำร้องขอ บริษัท ส. จะถูกศาลแพ่งมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก็ตาม แต่การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอต่อศาลชั้นต้นขอให้ไต่สวนและมีคำสั่งว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินของบริษัท ส. โดยการครอบครองปรปักษ์ เป็นการใช้สิทธิทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โดยผู้ร้องมิได้กล่าวหาว่ามีบุคคลใดโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ร้อง จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะดำเนินกระบวนพิจารณาคดีของผู้ร้องอย่างคดีไม่มีข้อพิพาทตามมาตรา 188ซึ่งมิได้มีบทบัญญัติบังคับให้ต้องมีการส่งหมายและสำเนาคำร้องขอให้แก่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัท ส. การที่ศาลชั้นต้นเพียงแต่ประกาศคำร้องขอในหน้าหนังสือพิมพ์ กับส่งหมายและสำเนาคำร้องขอแก่บริษัท ส.กับบริษัท ค. ผู้รับจำนองที่ดินดังกล่าวก่อนการไต่สวน จึงมิได้เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบทั้งการที่ผู้คัดค้านไม่ได้ร้องคัดค้านเข้ามาในคดีก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ก็หาได้เสียสิทธิไม่ เพราะผู้คัดค้านเป็นบุคคลภายนอก หากคำสั่งศาลชั้นต้นทำให้สิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท ส. ถูกโต้แย้ง ก็ชอบที่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการจัดกิจการทรัพย์สินของบริษัท ส. ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 22 จะฟ้องผู้ที่โต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของบริษัท ส. เพื่อพิสูจน์ว่าบริษัท ส.มีสิทธิในที่ดินโฉนดดังกล่าวดีกว่าผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145(2) หรือหากการดำเนินการในชั้นบังคับคดีตามคำสั่งศาลชั้นต้นในคดีนี้มีผลกระทบต่อสิทธิของบริษัทซึ่งเป็นบุคคลผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินดังกล่าว บริษัท ส. ก็อยู่ในฐานะผู้ถูกโต้แย้งสิทธิและเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีตามคำสั่งนั้น ผู้คัดค้านย่อมมีสิทธิร้องขอเข้ามาในชั้นบังคับคดีเพื่อพิสูจน์ว่าบริษัท ส.มีสิทธิในที่ดินดังกล่าวดีกว่าผู้ร้อง โดยไม่จำต้องไปฟ้องผู้ร้องเป็นคดีใหม่ ผู้คัดค้านจึงไม่อาจร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นที่ได้ดำเนินมาแล้วโดยชอบได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งแสดงว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 6651, 6654, 6655, 6658, 9101, 12695 และ 12696 เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยผู้ร้องได้ครอบครองปรปักษ์มาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 6651, 6654, 6655,6658, 9101, 12695 และ 12696 ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382

ผู้คัดค้านยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ตะวันออกฟายแน้นซ์ จำกัด ได้ยื่นฟ้องบริษัทสิทธิอำนวย จำกัด ลูกหนี้กับพวกให้ล้มละลายต่อศาลแพ่ง ศาลแพ่งมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์บริษัทลูกหนี้เด็ดขาดเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2530 และมีคำพิพากษาให้บริษัทลูกหนี้ล้มละลายเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2538 จากการตรวจสอบของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ปรากฏว่าที่ดินที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์โดยอ้างว่าได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์นั้น เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทลูกหนี้ ดังนั้นบรรดาอำนาจในการจัดกิจการทรัพย์สินของบริษัทลูกหนี้จึงตกอยู่แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483แต่ในระหว่างการดำเนินคดีร้องขอให้ศาลสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์นั้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ทราบว่ามีคดีนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการในชั้นศาล และมิได้มีหมายแจ้งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบ จึงไม่ได้เข้ามาดำเนินคดีแทนบริษัทลูกหนี้ เพิ่งทราบเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2540 ดังนั้นการดำเนินกระบวนพิจารณาก่อนนั้น จึงเป็นการผิดระเบียบ ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบและอนุญาตให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินคดีแทนบริษัทลูกหนี้ต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลได้มีคำสั่งให้ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ โดยการครอบครองปรปักษ์โดยชอบแล้ว ไม่มีเหตุให้เพิกถอนคำสั่ง จึงให้ยกคำร้องของผู้คัดค้าน

ผู้คัดค้านอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องของผู้คัดค้านไว้ไต่สวนและมีคำสั่งต่อไป

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาตามฎีกาของผู้ร้องว่า กรณีมีเหตุเพิกถอนกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นตามคำร้องของผู้คัดค้านหรือไม่ เห็นว่าแม้ขณะผู้ร้องยื่นคำร้องขอและศาลชั้นต้นพิจารณาคดีนี้ บริษัทสิทธิอำนวยจำกัด จะถูกศาลแพ่งมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก็ตาม แต่การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอต่อศาลชั้นต้นขอให้ไต่สวนและมีคำสั่งว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 6651, 6654, 6655, 6658, 9101, 12695 และ 12696ของบริษัทสิทธิอำนวย จำกัด โดยการครอบครองปรปักษ์นั้นเป็นการใช้สิทธิทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โดยผู้ร้องมิได้กล่าวหาว่ามีบุคคลใดโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ร้อง จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะดำเนินกระบวนพิจารณาคดีของผู้ร้องอย่างคดีไม่มีข้อพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 188 ซึ่งมิได้มีบทบัญญัติบังคับให้ต้องมีการส่งหมายและสำเนาคำร้องขอให้แก่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทสิทธิอำนวย จำกัด ผู้มีชื่อเป็นเจ้าของในโฉนดที่ดินดังกล่าวแต่อย่างใด การที่ศาลชั้นต้นเพียงแต่ประกาศคำร้องขอในหน้าหนังสือพิมพ์กับส่งหมายและสำเนาคำร้องขอแก่บริษัทสิทธิอำนวย จำกัด กับบริษัทเงินทุนเครดิตการพาณิชย์ จำกัด ผู้รับจำนองที่ดินดังกล่าวก่อนการไต่สวนจึงหาได้เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบดังที่ผู้คัดค้านอ้างแต่อย่างใด ทั้งการที่ผู้คัดค้านไม่ได้ร้องคัดค้านเข้ามาในคดีก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ก็หาได้เสียสิทธิแต่อย่างใดเพราะผู้คัดค้านเป็นบุคคลภายนอก หากคำสั่งศาลชั้นต้นทำให้สิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัทสิทธิอำนวย จำกัด ถูกโต้แย้ง ก็ชอบที่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการจัดกิจการทรัพย์สินของบริษัทสิทธิอำนวย จำกัด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22 จะฟ้องผู้ที่โต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของบริษัทสิทธิอำนวย จำกัด เป็นคดีอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก เพื่อพิสูจน์ว่าบริษัทสิทธิอำนวย จำกัด มีสิทธิในที่ดินโฉนดดังกล่าวดีกว่าผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145(2) หรือหากการดำเนินการในชั้นบังคับคดีตามคำสั่งศาลชั้นต้นในคดีนี้มีผลกระทบต่อสิทธิของบริษัทสิทธิอำนวย จำกัดซึ่งเป็นบุคคลผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินดังกล่าว บริษัทสิทธิอำนวย จำกัดก็อยู่ในฐานะผู้ถูกโต้แย้งสิทธิและเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีตามคำสั่งนั้นผู้คัดค้านย่อมมีสิทธิร้องขอเข้ามาในชั้นบังคับคดีตามคำสั่งนั้นเพื่อพิสูจน์ว่าบริษัทสิทธิอำนวย จำกัด มีสิทธิในที่ดินดังกล่าวดีกว่าผู้ร้อง โดยไม่จำต้องไปฟ้องผู้ร้องเป็นคดีใหม่ก็ได้ ดังนั้นผู้คัดค้านจึงไม่อาจร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาคดีนี้ของศาลชั้นต้นที่ได้ดำเนินมาแล้วโดยชอบได้”

พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้คัดค้าน

Share