คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4465/2551

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ตามคำฟ้องโจทก์และคำให้การจำเลยทั้งสี่ มีประเด็นข้อพิพาทแต่เพียงว่าการลงมติถอดถอนโจทก์ออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทจำเลยที่ 1 แล้วแต่งตั้ง ค. เป็นกรรมการในการประชุมสามัญครั้งที่ 1/2543 เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2543 ของบริษัทจำเลยที่ 1 ชอบด้วยกฎหมายและข้อบังคับของจำเลยที่ 1 หรือไม่ และโจทก์ได้รับความเสียหายหรือไม่ เพียงใด เมื่อทั้งโจทก์และจำเลยทั้งสี่มิได้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงเรื่องการประชุมสามัญครั้งที่ 2/2543 ไว้ในคำฟ้องและคำให้การ ข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเป็นเรื่องนอกฟ้อง นอกประเด็น เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น แม้จำเลยทั้งสี่จะอ้างว่าได้ขออนุญาตศาลชั้นต้นเพื่อขอนำสืบข้อเท็จจริงในประเด็นนี้แล้วก็ตาม อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสี่ในข้อนี้จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนมติที่ประชุมสามัญประจำปี 2543 ของจำเลยที่ 1 ที่ถอดถอนโจทก์ออกจากตำแหน่งกรรมการของจำเลยที่ 1 ให้เป็นโมฆะ ให้จำเลยทั้งสี่จดทะเบียนนำโจทก์เข้าเป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 และจดทะเบียนถอดถอนนายคีรีออกจากการเป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยทั้งสี่ ให้จำเลยทั้งสี่ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์นับแต่วันละเมิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน 500,000 บาท และในอัตราเดือนละ 500,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะจดทะเบียนต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครนำโจทก์เข้าเป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 แล้วเสร็จ
จำเลยทั้งสี่ให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนมติที่ประชุมสามัญประจำปี 2543 ของจำเลยที่ 1 ที่ถอดถอนโจทก์ออกจากตำแหน่งกรรมการของจำเลยที่ 1 ให้จำเลยทั้งสี่จดทะเบียนนำโจทก์เข้าเป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 และจดทะเบียนถอดถอนนายคีรีออกจากการเป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร ด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยทั้งสี่ กับให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้จำเลยทั้งสี่ใช้แทนตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสี่สอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยทั้งสี่ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 1,500 บาท แทนโจทก์
จำเลยทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นที่คู่ความไม่โต้เถียงกันฟังเป็นยุติได้ว่าโจทก์เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 เป็นประธานกรรมการ จำเลยที่ 3 เป็นกรรมการผู้จัดการและจำเลยที่ 4 เป็นรองกรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2543 จำเลยที่ 3 มีหนังสือเชิญผู้ถือหุ้นของจำเลยที่ 1 เข้าร่วมประชุมสามัญประจำปี 2543 ในวันที่ 18 มีนาคม 2543 เวลา 15.30 นาฬิกา โดยหนังสือเชิญประชุมกำหนดระเบียบวาระการประชุม 3 วาระ คือ วาระที่ 1 เรื่องรับรองรายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2542 เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2542 วาระที่ 2 เรื่องรับทราบผลการตรวจสอบบัญชีของบริษัทอารีมา จำกัด และวาระที่ 3 เรื่องอื่น ๆ (ถ้ามี) ตามหนังสือเชิญประชุม เมื่อถึงกำหนดการประชุมสามัญประจำปี 2543 มีจำเลยที่ 2 เป็นประธานที่ประชุม ที่ประชุมได้พิจารณาวาระที่ 1 และลงมติรับรองรายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2542 จากนั้นที่ประชุมได้มีมติให้นำวาระที่ 3 เรื่องอื่น ๆ ขึ้นพิจารณาก่อนวาระที่ 2 ที่ประชุมจึงได้พิจารณาวาระที่ 3 เรื่องอื่น ๆ จนเสร็จ จำเลยที่ 2 ขอให้ที่ประชุมพิจารณาวาระที่ 2 เรื่องรับทราบผลการตรวจสอบบัญชีของบริษัทอารีมา จำกัด ระหว่างการประชุมโจทก์และผู้ถือหุ้นบางคนได้ออกจากที่ประชุม ที่ประชุมที่เหลือได้มีการหยิบยกเรื่องการถอดถอนโจทก์ออกจากตำแหน่งกรรมการของจำเลยที่ 1 และแต่งตั้งนายคีรีเป็นกรรมการแทนโจทก์ ซึ่งไม่มีบรรจุไว้ในระเบียบวาระการประชุม ขัดต่อข้อบังคับของบริษัทจำเลยที่ 1 ข้อ 13 และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1175 วรรคสอง มติที่ให้ถอดถอนโจทก์ออกจากการกรรมการ และแต่งตั้งนายคีรีเป็นกรรมการแทน จึงเป็นมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่จำเลยทั้งสี่ฎีกาว่า แม้มติของผู้ถือหุ้นของจำเลยที่ 1 ที่ให้ถอดถอนโจทก์ออกจากการเป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 จะกระทำไปโดยขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1195 แต่ต่อมาในระหว่างที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสี่เป็นคดีนี้ จำเลยที่ 1 ได้มีการประชุมสามัญครั้งที่ 2/2543 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2543 ที่ประชุมได้มีมติยืนยันมติเดิมของการประชุมครั้งที่ 1/2543 ที่ให้ถอดถอนโจทก์ออกจากการเป็นกรรมการและแต่งตั้งนายคีรีเป็นกรรมการแทนโจทก์ ทำให้การถอดถอนโจทก์ออกจากการเป็นกรรมการและแต่งตั้งนายคีรีเป็นมิติที่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลฎีกาหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นวินิจฉัยด้วยนั้น เห็นว่า คดีนี้ตามคำฟ้องโจทก์และคำให้การจำเลยทั้งสี่ มีประเด็นข้อพิพาทแต่เพียงว่า การลงมติถอดถอนโจทก์ออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทจำเลยที่ 1 แล้วแต่งตั้งนายคีรีเป็นกรรมการ ในการประชุมสามัญครั้งที่ 1/2543 เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2543 ของบริษัทจำเลยที่ 1 ชอบด้วยกฎหมายและข้อบังคับของจำเลยที่ 1 หรือไม่และโจทก์ได้รับความเสียหายหรือไม่ เพียงใด เมื่อทั้งโจทก์และจำเลยทั้งสี่มิได้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงเรื่องการประชุมสามัญครั้งที่ 2/2543 ไว้ในคำฟ้องและคำให้การ ข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเป็นเรื่องนอกฟ้อง นอกประเด็น เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น แม้จำเลยทั้งสี่จะอ้างว่าได้ขออนุญาตศาลชั้นต้นเพื่อขอนำสืบข้อเท็จจริงในประเด็นนี้แล้วก็ตาม ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสี่ในข้อนี้เป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง และไม่รับวินิจฉัยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย จึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยทั้งสี่”
พิพากษายกฎีกาของจำเลยทั้งสี่ คืนค่าธรรมเนียมศาลในชั้นฎีกาทั้งหมดแก่จำเลยทั้งสี่ ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share