แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การที่ทนายผู้ร้องยื่นคำบอกกล่าวขอถอนคำร้องขัดทรัพย์นั้นเป็นโดยชอบแล้ว ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนในข้อนี้ เมื่อผู้ร้องมิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในปัญหาเรื่องคำบอกกล่าวถอนคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ของทนายผู้ร้องว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ย่อมต้องถือว่าปัญหาดังกล่าวได้ยุติลงตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว
คำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์นั้น มีสภาพเหมือนกับคำฟ้องดังนั้นการถอนคำร้องดังกล่าวย่อมลบล้างผลแห่งการยื่นคำร้องนั้น รวมทั้งกระบวนพิจารณาอื่นๆ อันมีมาต่อภายหลังยื่นคำร้อง และกระทำให้คู่ความกลับคืนสู่ฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิได้มีการยื่นคำร้องเลย ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 176 จึงถือได้ว่าขณะที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดนั้น ไม่มีคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์อยู่ในศาลแล้ว ผู้ร้องอ้างว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองทรัพย์พิพาทบางส่วนเท่านั้น ผู้ร้องจึงมิใช่บุคคลดังที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 280(2) ผู้ร้องจึงไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีการบังคับคดี
ย่อยาว
เดิมศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมให้จำเลยทั้งสามชำระหนี้ให้โจทก์โจทก์นำยึดที่ดิน 2 แปลงของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าที่ดิน 2 แปลงดังกล่าวเฉพาะส่วนทางด้านทิศตะวันตก มิใช่ของจำเลยแต่เป็นของผู้ร้อง โจทก์จึงไม่มีสิทธินำยึดทรัพย์บังคับคดีในที่ดินเฉพาะส่วนของผู้ร้องขอให้ปล่อยที่ดิน 2 แปลงดังกล่าวเฉพาะส่วนที่ผู้ร้องครอบครอง ต่อมาทนายผู้ร้องขอถอนคำร้องขัดทรัพย์ ศาลชั้นต้นอนุญาต จำหน่ายคดี ต่อมาทนายผู้ร้องคนใหม่ยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินที่ร้องขัดทรัพย์ไปเป็นการดำเนินการผิดระเบียบและขัดคำสั่งศาลโดยรู้อยู่แล้วว่าที่ดินพิพาท ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ ศาลมีคำสั่งระงับการขายทอดตลาดไว้แล้ว ทั้งปรากฏว่าเมื่อมีผู้ประมูลให้ราคาสูงสุด ศาลยังมิได้อนุญาตให้ขายและราคาที่ขายต่ำกว่าความเป็นจริงมาก ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนยกเลิกการขายทอดตลาดที่พิพาททั้งหมด และมีคำสั่งให้ไต่สวนคำร้อง ดำเนินกระบวนพิจารณาคำร้องขัดทรัพย์ต่อไป ผู้ร้องเพียงทราบว่าทนายผู้ร้องคนเดิมได้ยื่นคำบอกกล่าวขอถอนคำร้องขัดทรัพย์ อ้างว่าผู้ร้องไม่ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป และศาลอนุญาตแล้ว ผู้ร้องมิได้รู้เห็นยินยอม จึงขอยกเลิกเพิกถอนคำบอกกล่าวของทนายผู้ร้องคนเดิมโดยถือเอาคำร้องขัดทรัพย์ฉบับเดิมเป็นคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องต่อไป ขอให้ศาลไต่สวนคำร้องของผู้ร้องเป็นการฉุกเฉินและยกเลิกเพิกถอนการขายทอดตลาดทั้งระงับการทำนิติกรรมใด ๆ ในที่พิพาทด้วย
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของผู้ร้องในประเด็นการดำเนินการขายทอดตลาดที่พิพาทนั้นเป็นการกระทำที่ผิดระเบียบขัดคำสั่งศาลหรือไม่ และมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การที่ทนายผู้ร้องยื่นคำบอกกล่าวขอถอนคำร้องขัดทรัพย์นั้นเป็นไปโดยชอบแล้วซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนในข้อนี้เมื่อผู้ร้องมิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในปัญหาเรื่องคำบอกกล่าวถอนคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ของทนายผู้ร้องว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ย่อมต้องถือว่าปัญหาดังกล่าวได้ยุติลงตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว คำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์นั้นมีสภาพเหมือนกับคำฟ้อง ดังนั้นการถอนคำร้องดังกล่าวย่อมลบล้างผลแห่งการยื่นคำร้องนั้น รวมทั้งกระบวนพิจารณาอื่น ๆ อันมีมาต่อภายหลังยื่นคำร้องและกระทำให้คู่ความกลับคืนสู่ฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิได้มีการยื่นคำร้องเลย ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 176 จึงถือได้ว่า ขณะที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดลงวันที่ 13 มิถุนายน 2526 นั้น ไม่มีคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์อยู่ในศาลแล้ว คำร้องของผู้ร้องที่ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาท จึงตกไปในตัว ไม่จำต้องไต่สวนคำร้องในข้อนี้ สำหรับคำร้องที่ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ในราคาที่ต่ำมาก และศาลยังมิได้อนุญาตให้ขายทอดตลาดนั้น ปรากฏว่าผู้ร้องอ้างว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองทรัพย์พิพาทบางส่วนเท่านั้น ผู้ร้องจึงมิใช่บุคคลดังที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280(2) ผู้ร้องจึงไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีการบังคับคดี ศาลไม่อาจบังคับคดีตามคำร้องของผู้ร้องได้กรณีจึงไม่จำต้องทำการไต่สวนคำร้องดังกล่าวต่อไป
พิพากษาแก้ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง