แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนังสือที่โจทก์อ้างว่าจำเลยมีถึงโจทก์ให้ไปเก็บเงิน เป็นเพียงพยานหลักฐานซึ่งโจทก์กล่าวแสดงมาในคำฟ้องเพื่อสนับสนุนข้ออ้างของตนเท่านั้น โจทก์ไม่จำเป็นต้องแนบต้นฉบับหนังสือดังกล่าวมาท้ายฟ้องด้วย และไม่จำเป็นต้องแสดงข้อความและรายละเอียดของหนังสือมาในคำฟ้อง เพราะโจทก์จะต้องส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวให้แก่จำเลยก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน และจำเลยมีสิทธิคัดค้านการนำเอกสารดังกล่าวมาสืบดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90, 125 ตามลำดับได้อยู่แล้ว
การที่ผู้แทนของบริษัทจำเลยได้มีบันทึกให้พนักงานเก็บเงินของโจทก์กลับมาเก็บเงินใหม่ เพราะบริษัทจำเลยยังไม่ส่งเงินมาให้นั้น เป็นการยอมรับว่าบริษัทจำเลยเป็นหนี้อยู่จริง ถือได้ว่าผู้แทนของบริษัทจำเลย ได้ทำการอย่างใดอย่างหนึ่งอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัย ตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องนั้น และอายุความย่อมสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 แล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยร่วมกันชำระหนี้ตามใบส่งสินค้าท้ายฟ้อง ฯลฯ
จำเลยทั้งสองให้การว่า ไม่เคยรับว่าเป็นหนี้โจทก์ และไม่เคยขอผ่อนชำระหนี้เป็นลายลักษณ์อักษร โจทก์มิได้นำต้นฉบับหนังสือที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ ๑ มีถึงโจทก์ให้ไปเก็บเงินแนบท้ายฟ้อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยทั้งสองไม่เคยรับสภาพหนี้ คดีโจทก์จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๒ ชำระเงินแก่โจทก์ ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม หนังสือเอกสารหมาย จ.๙ ไม่เป็นหนังสือรับสภาพหนี้ และคดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หนังสือที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ ๑ มีถึงโจทก์ให้ไปเก็บเงินเป็นเพียงพยานหลักฐานซึ่งโจทก์กล่าวแสดงมาในคำฟ้อง เพื่อสนับสนุนข้ออ้างของตนเท่านั้น โจทก์จึงไม่จำต้องแนบต้นฉบับหนังสือดังกล่าวมาท้ายฟ้องด้วย และไม่จำต้องแสดงข้อความและรายละเอียดของหนังสือมาในคำฟ้อง เพราะโจทก์จะต้องส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวให้แก่จำเลยก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๐ และจำเลยมีสิทธิคัดค้านการนำเอกสารดังกล่าวมาสืบดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๒๕ ได้อยู่แล้วฟ้องของโจทก์จึงหาเคลือบคลุมดังจำเลยอ้างไม่
การที่จำเลยที่ ๑ ในฐานะผู้แทนของบริษัทจำเลยที่ ๒ ได้บันทึกให้พนักงานเก็บเงินของโจทก์กลับมาเก็บเงินใหม่ เพราะบริษัทจำเลยที่ ๒ ยังไม่ส่งเงินมาให้นั้น เป็นการยอมรับว่าบริษัทจำเลยที่ ๒ เป็นหนี้ตามใบส่งของเอกสารหมาย จ.๒ ถึง จ.๘ นั้นอยู่จริง ถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ ผู้แทนบริษัทจำเลยที่ ๒ ได้ทำการอย่างใดอย่างหนึ่งอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัย ตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องนั้น ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๗๒ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว
เมื่อฟังว่าจำเลยที่ ๑ ผู้แทนของบริษัทจำเลยที่ ๒ ยอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องตามเอกสารหมาย จ.๒ ถึง จ.๘ นั้นแล้ว อายุความย่อมสะดุดหยุดลงและปรากฏว่านับแต่วันอายุความสะดุดหยุดลงจนถึงวันฟ้องยังอยู่ภายในระยะเวลากำหนด ๒ ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน