คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บุตรนอกกฎหมาย ซึ่งมีหลักฐานฟังได้ว่า บิดาได้รับรองว่าเป็นบุตรนั้น มีสิทธิรับมรดกของบิดา ตามป.ม.แพ่งฯมาตรา 1627

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นางเหรียญโจทก์เป็นภริยา ล.มาประมาณ ๑๕ ปี เกิดบุตร ๒ คนคือเด็กชายฉลอง และเด็กชายหยี่ โจทก์ ล.วายชนม์มีที่นามรดก จำเลยที่ ๑ เคยเป็นความกับโจทก์เรื่องนารายนี้ แล้วทำยอมว่าไม่เกี่ยวข้อง โจทก์ไปขอรังวัดออกโฉนด จำเลยที่ ๒ ได้คัดค้าน มีคำขอท้ายฟ้องว่า ขอศาลพิพากษาว่า โจทก์เป็นทายาทโดยชอบธรรมของ ล. และออกไป ห้ามเกี่ยวข้อง จำเลยต่อสู้หลายประการ ศาลสอบถามคู่ความรับกันว่า จำเลยที่ ๑ เป็นพี่สาวจำเลยที่ ๒ เป็นน้องสาวของ ล. เจ้ามรดกร่วมบิดามารดาเดียวกัน บิดามารดาตายหมดแล้ว จำเลยที่ ๑ เคยทำยอมดังกล่าว
ศาลชั้นต้นฟังว่า นางเหรียญโจทก์ไม่ใช่ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของ ล.เพราะได้กันภายหลังใช้ ป.ม.แพ่งฯว่าด้วยครอบครัว ๒๔๘๗ โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส ส่วนเด็กชายทั้ง ๒ เป็นบุตรของ ล.จริง พิพากษาว่า เด็กชายทั้ง ๒ เป็นทายาทในฐานะเป็นบุตร ล.มีสิทธิรับมรดกนาพิพาท จำเลยเป็นทายาท อันดับถัดไปไม่มีสิทธิเกี่ยวข้อง ห้ามจำเลยและให้รื้อถอนเรือนออกไป
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า แม้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า เด็กทั้งสองเป็นบุตร ล. แต่การเป็นบุตรจะมีผลนับแตีวันคำพิพากษาถึงที่สุดตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๕๓๐(๓)ขณะนี้เด็กทั้ง ๒ จึงยังไม่มีผลเป็นบุตรและไม่เป็นทายาของล. ไม่มีสิทธิรับมรดก ล. ขณะ ล.ตาย จำเลยเป็นทายาท นามรดกพิพาทจึงตกแก่จำเลยทันที (อ้างฎีกาที่ ๒๑๐/๒๕๙๑) พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามศาลล่างว่า นางเหรียญโจทก์ไม่ใช่ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย ล. ส่วนเด็กทั้ง ๒ เป็นบุตรนอกกฎหมายของ ล. และเห็นว่าตามคำขอท้ายฟ้องกล่าว ก็ไม่ชัดว่าโจทก์ขอให้ศาลพิพากษาว่าเด็กทั้ง ๒ เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของ ล. สถานเดียว พิเคราะห์รวมกันแสดงชัดว่า โจทก์ฟ้องคดีก็เพื่อจะเอาทรัพย์มรดกของ ล.เป็นสำคัญ โจทก์มีพยานบุคคลและพยานเอกสรประกอบฟังได้ว่า ล.ได้รับรองว่าเด็กทั้ง ๒ เป็นบุตร ล. เด็กทั้งสองจึงมีสิทธิรับมรด ล.ได้ตาม ป.ม.แพ่งมาตรา ๑๖๒๗ ฎีการที่ศาลอุทธรณ์อ้างอิงข้อเท็จจริงต่างกับคดีนี้
พิพากษากลับ ให้บังคับตามศาลชั้นต้น

Share