แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ให้เด็กอายุกว่า 1 ขวบเป็นบุตรบุญธรรมก่อนประมวลแพ่งฯ ถ้าผู้รับเลี้ยงดูโดยสุจจริตและเด็กสมัครอยู่กับผู้เลี้ยงบิดามารดาเติมจะเรียกเด็กคืนไม่ได้ วิธีที่บังคับให้เสียค่าเด็กให้แก่ผู้เลี้ยงและบิดามารดาของเด็กตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ 109 ม.11 นั้น ได้ยกเลิกเสียสิ้นแล้วโดยการเลิกทาสเกษียรอายุ อ้างฎีกาที่ 1416 – 1417/2456
ย่อยาว
ได้ความว่า โจทก์ได้มอบเด็กหญิงวิเชียรบุรโจทก์ให้แก่จำเลยเมื่อเด็กหญิงมีอายุได้ ๑๔ เดือน โดย โจทก์มิได้ค่าบำเหน็จหรือเลี้ยงดูแต่อย่างใดจากจำเลย การให้เด็กแก่กันนี้ให้กันก่อนวันใช้ประมวลแพ่งฯ บรรพ ๕ บัดนี้ โจทก์ต้องการบุตรคืน จึงขอให้จำเลยส่งคืนแก่โจทก์เด็กหญิงวิเชียรได้ให้ถ้อนคำว่า อยู่กับจำเลยได้รับความสุขสบาย ถ้าจะให้เลือกเอาตามใจสมัครแล้ว ก็สมัครจะอยู่กับจำเลย
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า กรณีนี้ต้องใช้ กฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ ๑๐๙ มาตรา ๑๑ ตอนที่ บัญญัติถึงการให้เด็กอายุ ๒ – ๓ ขวบ โดยมิได้คิดค่านม และกฎหมายบัญญัติให้ตีค่าผู้น้อยและให้ปันค่านั้นให้แก่ผู้เลี้ยงดูและพ่อแม่ แต่ โจทก์ในคดีนี้เป็นคนอนาถา ไม่มีเงินค่าเด็กให้แก่จำเลย จึงเรียกเด็กคืนไม่ได้ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเด็กอายุได้ ๑๔ เดือน ต้องเข้าตอน ๑ ของ ม.๑๑ ซึ่งบัญญัติว่าให้แล้วแต่เด็กสมัคร คดีนี้เด็กสมัครอยู่กับจำเลย ฟ้องของโจทก์จึงตกไปและคดีต้องบังคับตามประมวลแพ่ง ฯ มาตรา ๑๕๘๒ ด้วย จึงพิพากษา ยืนตามศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า ได้มีคำพิพากษาฎีกา ม. ๑๔๑๖ – ๑๔๑๗/ ๒๔๕๖ วินิจฉัยไว้แล้วว่าวิธีค่าคนนั้นได้ยกเลิกเสียสิ้นแล้วทุกสถานโดยการเลิกทาสเกษียรอายุ ฉะนั้นจะตีค่าผู้น้อยและปันส่วนผู้เลี้ยงส่วนพ่อแม่ จึงไม่ควรใช้บังคับต่อไป และความในมาตรา ๑๕๘๖ แห่งประมวลแพ่งฯ ได้บัญญัติว่าบิดามารดา โดยกำเนิดหมดอำนาจปกครองนับแต่วันเวลาที่เด็กเป็นบุตรบุญธรรม ประกอบกับจำเลยได้เลี้ยงดูโดยสุจจริตและเด็กได้รับความสุชสบายสมัครใจจะอยู่กับจำเลยเช่นนี้ โจทก์จึงไม่มีทางจะเรียกร้องให้จำเลยลุงเด็กคืนให้ได้จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง