แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อศาลสอบถาม คู่ความต่างยอมรับว่าทางพิพาทตามที่โจทก์ฟ้องนี้เคยพิพาทกันมาแล้ว 2 คดี และคดีดังกล่าวถึงที่สุดโจทก์ขออ้างสำนวนทั้งสองและได้เสียค่าอ้างแล้วศาลย่อมมีอำนาจรับฟังสำนวนนั้นๆ มาประกอบการพิจารณาคดีได้แม้โจทก์จะมิได้ยื่นระบุพยานอ้างสำนวนนั้นอีกก็ตาม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้สิทธิภารจำยอมผ่านที่ดินของจำเลย จำเลยขัดขวางจึงขอให้จำเลยและบริวารเปิดทางเดินได้
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ยังมิได้สิทธิภารจำยอม
ศาลชั้นต้นสอบถามคู่ความ ต่างยอมรับว่าทางพิพาทนี้เคยพิพาทกันมา 2 คดี และคดีทั้งสองถึงที่สุดแล้ว โจทก์ขออ้างสำนวนดังกล่าวและขอเสียค่าอ้าง ศาลจึงงดสืบพยานและพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าศาลเรียกสำนวนมาประกอบคดีโดยไม่มีการระบุอ้างพยานต่อศาลนั้น เห็นว่า คู่ความได้แถลงรับกันต่อศาลว่าทางพิพาทตามฟ้องโจทก์คดีนี้ก็คือทางที่เคยพิพาทกันมาแล้วในคดีแพ่งแดงที่ 75/2503 และคดีอาญาแดงที่ 378/2503 ซึ่งถึงที่สุดแล้วทั้งสองสำนวน โจทก์ขออ้างสำนวนทั้งสองคดีและได้เสียค่าอ้างแล้วศาลย่อมมีอำนาจรับฟังสำนวนนั้น ๆ ประกอบการพิจารณาคดีนี้ได้
เมื่อได้วินิจฉัยปัญหาอื่นแล้วศาลฎีกาพิพากษายืน