คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4444/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ส. ชกหน้าผู้เสียหาย 1 ที ผู้เสียหายล้มลงแล้วลุกขึ้นยืนในระหว่างนั้นจำเลยส่งปืนสั้นให้แก่ ส. ส.ใช้ปืนกระบอกนั้นยิงผู้เสียหาย 1 นัด กระสุนปืนถูกที่แขนขวาเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย แม้จำเลยจะอยู่ด้วยในที่เกิดเหตุก็ตาม แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ร้องบอกหรือสั่งให้ ส. ยิงผู้เสียหายหรือมีส่วนเกี่ยวข้องร่วมมือกับการกระทำของ ส. แต่อย่างใด การที่ ส. จะยิงผู้เสียหายหรือไม่อยู่ที่การตัดสินใจของ ส. เอง การกระทำของจำเลยเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ ส. ในการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย จำเลยจึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๘๓
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ และ ๘๓ จำคุกคนละ ๑๐ ปี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วย มาตรา ๘๐, ๘๖ ลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๖ ปี ๘ เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาแต่เฉพาะข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยที่ ๒ เป็นความผิดตามฟ้องหรือไม่ ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนว่า ก่อนเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ ชกหน้าผู้เสียหาย ๑ ที ผู้เสียหายล้มลงแล้วลุกขึ้นยิงในระหว่างนั้นจำเลยที่ ๒ ส่งปืนสั้นให้แก่จำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ใช้ปืนกระบอกนั้นยิงผู้เสียหาย ๑ นัด กระสุนปืนถูกที่แขนขวาเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายปรากฏตามรายงานผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้อง พิเคราะห์แล้วเห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงได้ความดังกล่าวข้างต้นโดยไม่ปรากฏจากพยานหลักฐานของโจทก์ว่า ตั้งแต่แรกที่จำเลยที่ ๑ ชกหน้าผู้เสียหายจนกระทั่งผู้เสียหายล้มลงแล้วลุกขึ้นยืน จำเลยที่ ๒ ได้ร้องบอกหรือสั่งให้จำเลยที่ ๑ ยิงผู้เสียหายหรือมีส่วนเกี่ยวข้องร่วมมือกับการกระทำของจำเลยที่ ๑ แต่อย่างใด แม้จะปรากฏว่าจำเลยที่ ๒ จะอยู่ด้วยในที่เกิดเหตุก็ตาม นอกจากนี้การที่จำเลยที่ ๑ จะยิงผู้เสียหายหรือไม่อยู่ที่การตัดสินใจของจำเลยที่ ๑ เอง จำเลยที่ ๒ มิได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจด้วย แต่การที่จำเลยที่ ๒ ส่งปืนให้จำเลยที่ ๑ แล้วจำเลยที่ ๑ ใช้ปืนกระบอกนั้นยิงผู้เสียหายจนได้รับอันตรายแก่กายเช่นนี้ การกระทำของจำเลยที่ ๒ เข้าลักษณะเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ ๑ ในการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย จำเลยที่ ๒ จึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดครั้งนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share