แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยรวมทุกกระทงแล้วจำคุก 28 ปี 56 เดือน ตาม ป.อ. มาตรา 91 (3) แต่เมื่อโทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี จึงห้ามคู่ความมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 276, 277, 317, 318
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณานางสาว ป. ผู้เสียหายที่ 1 โดยนางสาว ม. ผู้แทนโดยชอบธรรม และนางสาว ม. ผู้เสียหายที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 400,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันทำละเมิดจนกว่าชำระเสร็จแก่ผู้ร้องทั้งสอง
จำเลยไม่ให้การในคดีส่วนแพ่ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคหนึ่ง (เดิม) (ที่ถูก 276 วรรคหนึ่ง), 277 วรรคหนึ่งและวรรคสาม (เดิม), 317 วรรคสาม (เดิม), 318 วรรคสาม (เดิม) (ที่ถูก 318 วรรคสาม) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี จำคุกกระทงละ 7 ปี รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 14 ปี ฐานกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี จำคุกกระทงละ 4 ปี รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 8 ปี ฐานข่มขืนกระทำชำเรา จำคุก 4 ปี ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีเพื่อการอนาจาร จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 4 กระทง เป็นจำคุก 20 ปี ฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีเพื่อการอนาจาร จำคุก 3 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี คงจำคุก 8 ปี 16 เดือน ฐานกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี คงจำคุก 4 ปี 16 เดือน ฐานข่มขืนกระทำชำเรา คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีเพื่อการอนาจาร คงจำคุก 12 ปี 16 เดือน ฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีเพื่อการอนาจาร คงจำคุก 2 ปี รวมจำคุก 28 ปี 56 เดือน กับให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 350,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2560 เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่ผู้ร้องทั้งสอง ค่าฤชาธรรมเนียมในคดีส่วนแพ่งให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคหนึ่ง (เดิม) (ที่ถูก 276 วรรคหนึ่ง), 277 วรรคหนึ่งและวรรคสาม (เดิม), 317 วรรคสาม (เดิม), 318 วรรคสาม (เดิม) (ที่ถูก 318 วรรคสาม) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี จำคุกกระทงละ 7 ปี รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 14 ปี ฐานกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี จำคุกกระทงละ 4 ปี รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 8 ปี ฐานข่มขืนกระทำชำเรา จำคุก 4 ปี ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีเพื่อการอนาจาร จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 4 กระทง เป็นจำคุก 20 ปี ฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีเพื่อการอนาจาร จำคุก 3 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จึงเท่ากับฐานกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี คงจำคุกกระทงละ 4 ปี 8 เดือน ฐานกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี คงจำคุกกระทงละ 2 ปี 8 เดือน ฐานข่มขืนกระทำชำเรา คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีเพื่อการอนาจาร คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน ฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีเพื่อการอนาจาร คงจำคุก 2 ปี รวมจำคุกทุกกระทง 28 ปี 56 เดือน แม้รวมโทษทุกกระทงแล้วลงโทษจำคุกจำเลย 28 ปี 56 เดือน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) ก็ตาม แต่เมื่อโทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี จึงห้ามคู่ความมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่ได้กระทำความผิดเป็นฎีกาดุลยพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานอันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยมาจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของจำเลย