แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พนักงานเดินหมายได้นำหมายและสำเนาอุทธรณ์คำสั่งไปส่งแก่จำเลย และพบภูมิลำเนาที่อยู่ของจำเลย ทั้งปรากฏตาม หมายนัดของศาลชั้นต้นประทับตรายางไว้ชัดเจนว่า ไม่มีผู้รับ โดยชอบให้ปิดหมาย ตามคำสั่ง ศาลชั้นต้นแต่พนักงานเดินหมาย ไม่ทำการปิดหมาย การที่เจ้าหน้าที่งานอุทธรณ์ฎีกาประทับตรายาง ในอุทธรณ์คำสั่งในวันที่ ท.ผู้รับมอบฉันทะโจทก์นำอุทธรณ์มายื่น โดยท. ลงชื่อรับทราบไว้ว่าให้ท. มาทราบคำสั่งในวันที่14 มีนาคม 2540 ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้ว คงมีผลว่าโจทก์ได้รับทราบคำสั่งที่ศาลชั้นต้นสั่งไว้ว่าการส่งหมายหาก ไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิดหมาย หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วัน เท่านั้น แต่คดีนี้ทนายโจทก์ได้ติดตามผลการส่งหมายอยู่ตลอดเวลา ทั้งโจทก์ได้ชำระค่าส่งรายงานการส่งหมายมาให้ทนายโจทก์ ทราบทางไปรษณีย์แก่พนักงานเดินหมายเมื่อปรากฏด้วยว่า ระยะเวลาตั้งแต่ส่งถึงวันที่พนักงานเดินหมายรายงานถึงศาลชั้นต้น เป็นเวลานานถึง 3 เดือนเศษ ย่อมเป็นการยากที่โจทก์จะติดตามรับทราบผลการส่งหมายได้ ทั้งพนักงานเดินหมายมิได้ปฏิบัติในการส่งหมายด้วยวิธีปิดหมายตามคำสั่ง ศาลชั้นต้นตามที่ถือว่า โจทก์รับทราบ กรณีจึงยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ทิ้งอุทธรณ์คำสั่ง
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งลงวันที่ 7 มีนาคม 2540 ศาลชั้นต้นสั่งเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2540 ว่ารับเป็นอุทธรณ์ของโจทก์สำเนาให้จำเลยทั้งสอง โดยให้โจทก์นำส่งภายใน 5 วัน นับแต่ทราบคำสั่งการส่งไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิดหากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์โจทก์ลงชื่อทราบคำสั่งและโจทก์ได้ดำเนินการส่งหมายและสำเนาอุทธรณ์คำสั่งแก่จำเลยทั้งสองโดยวางเงินค่าพาหนะและค่าป่วยการสำหรับพนักงานของศาลในการส่งหมายและสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยทั้งสองวันที่ 6 พฤษภาคม 2540 พนักงานเดินหมายกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม รายงานการเดินหมายมายังศาลชั้นต้นว่า ไม่สามารถส่งหมายและสำเนาอุทธรณ์คำสั่งให้จำเลยทั้งสองได้เพราะไม่พบจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองไปธุระและไม่มีผู้ใดยอมรับหมายและสำเนาอุทธรณ์คำสั่งไว้แทน ศาลชั้นต้นสั่งรายงานการเดินหมายว่ารอโจทก์แถลง โดยได้สั่งเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2540 ปรากฏว่าโจทก์มิได้มาแถลงต่อศาลชั้นต้นว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป คงปล่อยทิ้งไว้จนกระทั่งวันที่ 26 มิถุนายน 2540 เจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่า เวลาได้ล่วงเลยมานานแล้ว โจทก์ไม่แถลงเรื่องการส่งสำเนาอุทธรณ์คำสั่งแต่อย่างใดวันที่ 27 มิถุนายน 2540 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รวบรวมสำนวนส่งศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาสั่ง
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความตามท้องสำนวนว่าเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2540 นายชัชวาลย์ ธรรมานุวงศ์หุ้นส่วนผู้จัดการโจทก์มอบฉันทะให้นายทศพร พสกภักดี นำคำร้องขอถอนทนายความ และอุทธรณ์คำสั่งศาลมายื่นต่อศาลชั้นต้นเจ้าหน้าที่งานอุทธรณ์ฎีกาของศาลชั้นต้นได้ใช้ตรายางประทับไว้ที่ริมซ้ายของอุทธรณ์คำสั่ง ความว่า ให้มาทราบคำสั่งในวันที่14 มีนาคม 2540 ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้วลงชื่อนายทศพร ต่อมาวันที่ 10 มีนาคม 2540 ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งในอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวว่า เสนอวันนี้ รับเป็นอุทธรณ์ของโจทก์สำเนาให้จำเลยทั้งสองโดยให้โจทก์นำส่งภายใน 5 วันนับแต่ทราบคำสั่ง การส่งไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิด หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วัน มิฉะนั้น ถือว่าทิ้งอุทธรณ์ ต่อมาวันที่ 6 พฤษภาคม 2540 พนักงานเดินหมายจึงทำรายงานการเดินหมายเสนอหัวหน้าฝ่ายเดินหมายว่า เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2540 ได้นำสำเนาอุทธรณ์ไปส่งให้แก่จำเลยทั้งสอง บ้านเลขที่ 127 ถนนวิภาวดี แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ปรากฏว่าไม่พบจำเลยทั้งสองพบชายอายุประมาณ 40 ปี แจ้งว่าจำเลยทั้งสองไปธุระไม่ยอมรับหมายไว้แทนจึงส่งหมายให้จำเลยทั้งสองไม่ได้ ต่อมาวันที่ 9 มิถุนายน 2540 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในรายงานการเดินหมายดังกล่าวว่าเสนอวันนี้ รอโจทก์แถลง ข้อเท็จจริงฟังได้ตามฎีกาของโจทก์ว่าในวันยื่นอุทธรณ์คำสั่งโจทก์ได้วางเงินค่าพาหนะและค่าป่วยการสำหรับพนักงานของศาลในการส่งหมายและสำเนาอุทธรณ์คำสั่งและพนักงานเดินหมายก็ได้นำหมายและสำเนาอุทธรณ์คำสั่งไปส่งแก่จำเลยทั้งสองแล้ว ได้พบภูมิลำเนาที่อยู่ของจำเลยทั้งสองทั้งปรากฏตามหมายนัดของศาลชั้นต้นประทับตรายางไว้ชัดเจนว่าไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิดหมาย ตามคำสั่งศาลชั้นต้น แต่พนักงานเดินหมายไม่ทำการปิดหมาย และกรณีที่เจ้าหน้าที่งานอุทธรณ์ฎีกาประทับตรายางในอุทธรณ์คำสั่งว่าให้มาทราบคำสั่งในวันที่ 14 มีนาคม 2540 ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้วก็คงมีผลว่าโจทก์ได้รับทราบคำสั่งศาลว่า การส่งหมายหากไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิดหมาย หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วันซึ่งในเรื่องนี้โจทก์ฎีกาว่าตลอดเวลาดังกล่าวทนายโจทก์ได้ติดตามผลหมายอยู่ตลอดเวลา ทั้งตามทางปฏิบัติได้ชำระค่าส่งรายงานการส่งหมายมาให้ทนายโจทก์ทราบทางไปรษณีย์ไว้ด้วยระยะเวลาตั้งแต่ส่งถึงวันที่พนักงานเดินหมายรายงานถึงศาลชั้นต้นเป็นเวลานานถึง 3 เดือนเศษ ย่อมเป็นการยากที่โจทก์จะติดตามรับทราบผลการส่งหมายได้ ทั้งพนักงานเดินหมายมิได้ปฏิบัติในการส่งหมายด้วยวิธีปิดหมายตามคำสั่งศาลชั้นต้นตามที่ถือว่าโจทก์รับทราบเช่นนั้น จึงยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ทิ้งอุทธรณ์คำสั่ง ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีโจทก์นั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษายกคำสั่งศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่จำเลยทั้งสองแล้วดำเนินการต่อไป