แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในวันที่โจทก์ยื่นคำฟ้องศาลชั้นต้นมิได้สั่งให้โจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลย แต่มีคำสั่งว่า รับคำฟ้องหมายส่งสำเนาให้จำเลย ถ้าส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ หากไม่แถลงให้ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง คำสั่งดังกล่าวมีความหมายว่าโจทก์ได้ทราบถึงผลการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องในวันส่งนั้น ต่อมาเจ้าหน้าที่ศาลไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยโจทก์ไม่ได้นำส่ง แล้วรายงานว่าส่งไม่ได้ ศาลชั้นต้นสั่งในรายงานว่า “รอโจทก์แถลง” โดยไม่ได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่าส่งไม่ได้ โจทก์ย่อมไม่มีโอกาสทราบถึงผลการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) อันจะเป็นการทิ้งฟ้อง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องละเมิดขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 100,000 บาท
วันที่ 26 มกราคม 2530 เจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่าได้ไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2530แต่ส่งไม่ได้ ศาลชั้นต้นสั่งในรายงานว่ารอโจทก์แถลง ต่อมาวันที่ 4กุมภาพันธ์ 2530 โจทก์ยื่นคำแถลงขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยอีกครั้งหนึ่ง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ไม่แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปเกี่ยวกับเรื่องที่ส่งหมายให้แก่จำเลยไม่ได้ภายใน 7 วัน ตามที่ศาลสั่งไว้ ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ให้จำหน่ายคดี คำแถลงของโจทก์ไม่จำต้องพิจารณาสั่ง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ดำเนินการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยใหม่ แล้วดำเนินการต่อไป
จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีและฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งในวันโจทก์ยื่นคำฟ้องว่า “รับคำฟ้อง หมายส่งสำเนาให้จำเลย ถ้าส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ หากไม่แถลงให้ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง” นั้น มีความหมายว่าโจทก์ได้ทราบถึงผลการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องในวันส่งนั้นและตามคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวหาได้สั่งให้โจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยไม่ ทั้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 70 วรรคสอง ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2527 มาตรา 5ก็บัญญัติว่า “คำฟ้องนั้นให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมในการส่ง ส่วนการนำส่งนั้นโจทก์จะนำส่งหรือไม่ก็ได้ เว้นแต่ศาลจะสั่งให้โจทก์มีหน้าที่จัดการนำส่ง ฯลฯ” ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นไม่ได้สั่งให้โจทก์นำส่งก็เป็นสิทธิของโจทก์ที่จะนำส่งหรือไม่ก็ได้ และตามรายงานเจ้าหน้าที่ของศาล ลงวันที่ 26 มกราคม 2530 ซึ่งไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยในวันที่ 25 มกราคม 2530แต่ส่งให้จำเลยไม่ได้เนื่องจากไม่พบจำเลยคงพบบ้านปิดประตูใส่กุญแจ ได้สอบถามบุคคลใกล้เคียง แจ้งว่าจำเลยไปทำธุระนอกบ้านไม่ทราบว่าจะกลับมาเมื่อไร และในการส่งหมายครั้งนี้เจ้าหน้าที่ผู้ไปส่งหมายได้รับค่าพาหนะ ค่าป่วยการเป็นเงิน150 บาท ไปแล้ว จากรายงานเจ้าหน้าที่ดังกล่าวแสดงว่าโจทก์ไม่ได้นำส่งแต่ได้เสียค่าธรรมเนียมในการส่งแล้ว ศาลชั้นต้นสั่งในรายงานเจ้าหน้าที่ดังกล่าวแต่เพียงว่า “รอโจทก์แถลง”ไม่ได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่าส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยไม่ได้ โจทก์ย่อมไม่มีโอกาสทราบถึงผลการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.