คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องฉบับแรกและฉบับหลังของจำเลยมีใจความอย่างเดียวกันว่าโจทก์ยึดที่ดินที่โจทก์นำยึดไม่ได้ เพราะเป็นสินสมรส ต้องขอแยกเสียก่อน ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดเมื่อศาลมีคำสั่งยกคำร้องฉบับแรก จำเลยไม่พอใจอย่างไร ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ได้ แต่จำเลยไม่อุทธรณ์ กลับมายื่นคำร้องใหม่ จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลย ซึ่งเป็นสามีและผู้รับมรดกของนางทองอยู่ ภูกาธร ภรรยาจำเลย ให้รับผิดชำระต้นเงินและดอกเบี้ยที่นางทองอยู่กู้ไปแล้วไม่ยอมชำระ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีชำระหนี้ตามฟ้องแต่จำเลยไม่ชำระ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดิน ๑ แปลง เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษา จำเลยยื่นคำร้องว่าที่ดินที่โจทก์นำยึดเป็นสินสมรสระหว่างนางทองอยู่กับจำเลย โจทก์ยึดทีเดียวไม่ได้จะต้องแยกสินบริคณห์เสียก่อน ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องอย่างเดียวกันอีก ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องอีกโดยให้เหตุผลว่าจำเลยและภรรยาเป็นเจ้าของร่วม จะขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดไม่ได้
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คำร้องฉบับแรกและคำร้องฉบับหลังของจำเลยมีใจความอย่างเดียวกันว่า โจทก์ยึดที่ดินแปลงนี้ไม่ได้ เพราะเป็นสินสมรสต้องขอแยกเสียก่อน ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด เมื่อศาลมีคำสั่งยกคำร้องฉบับแรกจำเลยไม่พอใจอย่างไร ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ จำเลยไม่อุทธรณ์ กลับมายื่นคำร้องใหม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๔
พิพากษายืน

Share