แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522มาตรา134วรรคหนึ่งนอกจากจะเป็นความผิดที่เกิดขึ้นจากการงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลคือไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานจราจรแล้วยังเป็นความผิดเพราะกระทำคือการแข่งรถด้วยรถจักรยานยนต์ของกลางที่ใช้ในการแข่งรถในทางจึงเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา33(1)ศาลมีอำนาจสั่งริบได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้แข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานจราจร เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยรถจักรยานยนต์ที่ใช้แข่งขันเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 134, 160 ทวิ ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง และสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของจำเลยไม่น้อยกว่า 1 เดือน จำเลย ให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 134 วรรคหนึ่ง, 160 ทวิจำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 จำเลยไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 และพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของจำเลยมีกำหนด 1 เดือน คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก โจทก์ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า การริบรถจักรยานยนต์ของกลางหรือไม่ ต้องพิจารณาว่าความผิดที่จำเลยกระทำนั้นเป็นความผิดที่เกิดขึ้นในตัวเองจากการกระทำหรือเป็นความผิดที่เกิดขึ้นเพราะการไม่ได้รับอนุญาต ความผิดของจำเลยคดีนี้เกิดจากจำเลยแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานจราจรรถจักรยานยนต์ของกลางที่จำเลยใช้ในการแข่งรถในทางจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดโดยตรงอันจะพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) พิพากษายืน โจทก์ ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์ฟ้องและจำเลยให้การรับสารภาพว่า จำเลยใช้รถจักรยานยนต์ของกลางในการแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานจราจร คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดและสมควรริบหรือไม่ เห็นว่า ความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 134 วรรคหนึ่ง นอกจากจะเป็นความผิดที่เกิดขึ้นจากการงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลคือไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานจราจรแล้ว ยังเป็นความผิดเพราะการกระทำคือการแข่งรถด้วยรถจักรยานยนต์ของกลางที่ใช้ในการแข่งรถในทางจึงเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) ซึ่งศาลมีอำนาจสั่งริบได้ และพฤติการณ์ที่จำเลยใช้รถจักรยานยนต์ของกลางขับแข่งขันในถนนหลวงที่คนทั่วไปใช้สัญจรโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนรำคาญของบุคคลอื่นและอาจเป็นอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลอื่นอีกทั้งเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายจึงเห็นสมควรริบรถจักรยานยนต์ของกลางที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่ารถจักรยานยนต์ของกลางไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดและไม่ริบรถจักรยานยนต์ของกลางนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น” พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลางนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3