คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4381/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะเรื่องดอกเบี้ย เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินต้นและดอกเบี้ยตามสัญญากู้
จำเลยให้การว่าไม่เคยกู้เงินโจทก์ สัญญากู้ที่นำมาฟ้องเป็นเอกสารปลอม โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยนานถึง 7 ปี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 10,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีแก่โจทก์นับแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2520จนถึงวันฟ้องคิดดอกเบี้ยให้ไม่เกิน 10,500 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินต้น 10,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีถึงวันฟ้องเป็นเวลา 5 ปีแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏว่าคดีนี้มีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาท และศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะเรื่องดอกเบี้ยซึ่งเป็นการแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรกตามฎีกาของจำเลยเมื่อได้พิจารณาแล้ว ปรากฏว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับดุลพินิจของศาลล่างทั้งสองซึ่งฟังต้องกันมาว่าจำเลยได้กู้เงินจากโจทก์ไปจำนวน 10,000 บาท และค้างชำระดอกเบี้ยตามฟ้อง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงพึ่งต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
พิพากษาให้ยกฎีกาจำเลย คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาให้แก่จำเลยทั้งหมด.

Share