คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4380/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อศาลชั้นต้นอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟัง จำเลยไม่ต้องการทนายความและให้การรับสารภาพ อีกทั้งโจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยาน ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังตามคำฟ้องของโจทก์ว่า จำเลยทั้งหกร่วมกันประกอบธุรกิจเกี่ยวกับปัจจัยชำระเงินตราต่างประเทศซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยรับซื้อขายเงินตราต่างประเทศและเป็นตัวแทนซื้อเงินสกุลปอนด์เยนมาร์กและดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ให้แก่ประชาชน ดังนั้น ฎีกาของจำเลยทั้งหกที่ว่า การกระทำของจำเลยมีลักษณะเป็นการเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอันมีลักษณะเดียวกับการเล่นหุ้นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยผลกำไรขาดทุนถือเอาการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมิได้ถือครองเงินตราต่างประเทศ ไม่ได้เป็นการซื้อขายเงินตราต่างประเทศและมิใช่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเงินตราต่างประเทศแต่อย่างใด ทั้งการที่บริษัท อ. ประกาศรับสมัครพนักงานจำเลยที่ 3 เชื่อโดยสุจริตว่าบริษัทดังกล่าวประกอบกิจการโดยชอบด้วยกฎหมายจึงไปสมัครงาน และบริษัทได้อบรมจำเลยที่ 3 ก่อน จำเลยที่ 3 ทำงานเพียง 2 เดือนก็ถูกจับกุมโดยไม่ทราบว่าการกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นความผิด และอ้างว่าพนักงานสอบสวนจูงใจให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 รับสารภาพโดยบอกว่าเมื่อรับสารภาพแล้วศาลจะลงโทษปรับเป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย จำเลยทั้งหกเป็นเพียงลูกจ้างของบริษัท อ. ในตำแหน่งพนักงานการตลาดทำหน้าที่เกี่ยวกับการหาลูกค้าเท่านั้น ไม่ปรากฏว่าได้มีการดำเนินคดีแก่ผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทดังกล่าวหรือจำเลยทั้งหกได้ร่วมกับผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทดังกล่าวกระทำความผิดแต่ประการใด ประกอบกับจำเลยทั้งหกไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงสมควรให้โอกาสจำเลยทั้งหกกลับตัวเป็นพลเมืองดี โดยรอการลงโทษและคุมความประพฤติของจำเลยทั้งหกไว้ ซึ่งน่าจะเป็นผลดีแก่สังคมส่วนรวมยิ่งกว่าลงโทษจำคุกไปเสียที่เดียว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งหกร่วมกันประกอบธุรกิจเกี่ยวกับปัจจัยชำระเงินต่างประเทศ ซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ได้รับซื้อขายเงินตราต่างประเทศและเป็นตัวแทนซื้อเงินสกุล ปอนด์ เยน มาร์ก และดอลลาร์ สหรัฐอเมริกา ให้แก่ประชาชนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งหกได้พร้อมจอภาพคอมพิวเตอร์ (มอนิเตอร์) 5 จอ เครื่องประมวลผลกลาง(ซีพียู) 2 เครื่อง เครื่องพิมพ์ข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ (พรินเตอร์) 2 เครื่อง แป้นพิมพ์(คีย์บอร์ด) 5 อัน เครื่องรับข่าวสาร 3 เครื่อง เครื่องคิดเลข 2 เครื่อง หนังสือสัญญาลูกค้า 15 ชุด ใบสั่งถอนเงิน 20 แผ่น บัญชีเคลื่อนไหวทางการเงินของลูกค้า 120 แผ่น ใบสั่งซื้อเงินตรา (บายอิ้งออเดอร์) 80 แผ่น ใบสั่งขายเงิน (เซลลิ่งออเดอร์)100 แผ่น และใบรับเงินมัดจำ 2 แผ่น ซึ่งมีไว้เพื่อใช้และได้ใช้ในการกระทำความผิดเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินพ.ศ. 2485 มาตรา 3, 4, 8 และ 9 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 33ริบของกลาง

จำเลยทั้งหกให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งหกมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน พ.ศ. 2485 มาตรา 3, 4, 8 และ 9 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 จำคุกคนละ 1 ปี จำเลยทั้งหกให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกคนละ 6 เดือน ริบของกลาง

จำเลยทั้งหกอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งหกฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ถึงที่ 6 ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยมีลักษณะเป็นการเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอันมีลักษณะเดียวกับการเล่นหุ้นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยผลกำไรขาดทุนถือเอาการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมิได้ถือครองเงินตราต่างประเทศ จึงไม่ได้เป็นการซื้อขายเงินตราต่างประเทศและมิใช่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเงินตราต่างประเทศแต่อย่างใด และที่จำเลยที่ 3 ฎีกาว่า บริษัท เอฟเอ็กซ์นาสโก จำกัด ประกาศรับสมัครพนักงานทางหนังสือพิมพ์ จำเลยที่ 3 เชื่อโดยสุจริตว่าบริษัทดังกล่าวประกอบกิจการโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงไปสมัครงาน และบริษัทได้อบรมจำเลยที่ 3 ก่อน จำเลยที่ 3 ทำงานเพียง 2 เดือน ก็ถูกจับกุมโดยไม่ทราบว่าการกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นความผิด กับที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกาว่าพนักงานสอบสวนจูงใจให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 รับสารภาพโดยบอกว่าเมื่อรับสารภาพแล้วศาลจะลงโทษปรับ เป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้เมื่อศาลชั้นต้นอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังจำเลยไม่ต้องการทนายความและให้การรับสารภาพ อีกทั้งโจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยานข้อเท็จจริงจึงต้องฟังตามคำฟ้องของโจทก์ว่า จำเลยทั้งหกร่วมกันประกอบธุรกิจเกี่ยวกับปัจจัยชำระเงินตราต่างประเทศ ซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยรับซื้อขายเงินตราต่างประเทศและเป็นตัวแทนซื้อเงินสกุลปอนด์ เยน มาร์ก และดอลลาร์สหรัฐอเมริกาให้แก่ประชาชน ดังนั้น ฎีกาจำเลยทั้งหกดังกล่าวจึงเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นมาว่ากันแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งหกเพียงว่า สมควรรอการลงโทษจำเลยทั้งหกหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงปรากฏจากรายงานการสืบเสาะและพินิจว่าจำเลยทั้งหกเป็นเพียงลูกจ้างของบริษัทเอฟเอ็กซ์ นาสโก จำกัด ในตำแหน่งพนักงานการตลาด ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการหาลูกค้าเท่านั้น คดีไม่ปรากฏว่าได้มีการดำเนินคดีแก่ผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทดังกล่าวหรือจำเลยทั้งหกได้ร่วมกับผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทดังกล่าวกระทำความผิดแต่ประการใด ประกอบกับจำเลยทั้งหกไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยทั้งหกกลับตัวเป็นพลเมืองดี โดยรอการลงโทษและคุมความประพฤติของจำเลยทั้งหกไว้ซึ่งน่าจะเป็นผลดีแก่สังคมโดยส่วนรวมยิ่งกว่าลงโทษจำคุกไปเสียทีเดียวที่ศาลล่างทั้งสองไม่รอการลงโทษไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยทั้งหกฟังขึ้น แต่เพื่อให้จำเลยหลาบจำจึงสมควรลงโทษปรับอีกสถานหนึ่งด้วย”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลยคนละ 10,000 บาท อีกสถานหนึ่ง เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับคนละ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ระหว่างรอการลงโทษให้คุมความประพฤติของจำเลยทั้งหกโดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติคนละ 12 ครั้ง ตามระยะเวลาที่พนักงานคุมประพฤติกำหนด และให้จำเลยทั้งหกทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยทั้งหกจะเห็นสมควรเป็นเวลาคนละ 24 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากจำเลยทั้งหกไม่ชำระค่าปรับให้จัดการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 และ 30 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share