คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 438/2551

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนังสือมอบอำนาจระบุว่า โจทก์มอบอำนาจให้ ผ. เป็นผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีโรงเรือนและที่ดินในนามโจทก์…จนเสร็จการ โดยเฉพาะถ้อยคำที่ระบุว่า “…จนเสร็จการ” พอแปลความได้แล้วว่า นอกจากจะให้ ผ. เป็นตัวแทนในการยื่นแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินแทนโจทก์แล้ว ยังถือว่าให้มีอำนาจรวมไปถึงการยื่นคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ได้ด้วย จึงถือได้ว่า โจทก์ได้มอบฉันทะเป็นลายลักษณ์อักษรให้ ผ. เป็นตัวแทนลงนามในคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ตาม พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 มาตรา 37 แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินของจำเลยตามใบแจ้งรายการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน (ภ.ร.ด. 8) เล่มที่ 02/2548 เลขที่ 78 ลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2548 และใบแจ้งคำชี้ขาด (ภ.ร.ด. 11) เล่มที่ 01/2548 เลขที่ 53 ลงวันที่ 2 กันยายน 2548 ให้จำเลยคืนเงินจำนวน 547,777 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงินจำนวนดังกล่าวตั้งแต่วันที่พ้นกำหนดสามเดือนนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความ 8,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จำเลยเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 มีอำนาจหน้าที่จัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินในเขตตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต โจทก์เป็นเจ้าของโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างซึ่งใช้ในการประกอบกิจการโรงแรมชื่อ บันยัน ทรี ภูเก็ต ตั้งอยู่เลขที่ 33 ถนนศรีสุนทร ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ประกอบด้วยตึก 1 หลัง ห้องพัก 108 ห้อง ภัตตาคาร ห้องประชุม สระว่ายน้ำ ล็อบบี้ ร้านค้า สปา และสำนักงาน เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548 โจทก์มอบอำนาจให้นางสาวผุสดีเป็นผู้ดำเนินการยื่นแบบแสดงรายการภาษีโรงเรือนและที่ดินในนามของโจทก์ ตลอดจนให้ถ้อยคำต่างๆ ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลย โจทก์ยื่นแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน ประจำปีภาษี 2548 สำหรับโรงเรือนดังกล่าวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลย ต่อมาวันที่ 27 กรกฎาคม 2548 พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยแจ้งการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน ประจำปีภาษี 2548 สำหรับโรงเรือนดังกล่าวไปยังโจทก์ โดยกำหนดค่ารายปีเป็นเงิน 59,557,325 บาท ค่าภาษีเป็นเงิน 7,444,666 บาท และโจทก์ได้รับหนังสือแจ้งการประเมินดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2548 วันที่ 9 สิงหาคม 2548 นางสาวผุสดียื่นคำร้องต่อจำเลยขอให้พิจารณาการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินอีกครั้งในนามของโจทก์ ต่อมาพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยมีหนังสือถึงนางสาวผุสดีแจ้งให้ทราบว่าจำเลยจะส่งพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบโรงแรมของโจทก์ โดยให้จัดเตรียมเอกสารต่างๆ ไว้เพื่อการตรวจสอบ หลังจากนั้นนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเลได้มีหนังสือแจ้งคำชี้ขาดให้แก้ไขรายการประเมิน โดยประเมินค่ารายปีเป็นเงิน 51,506,263 บาท ค่าภาษีเป็นเงิน 6,438,283 บาท และแจ้งให้โจทก์ทราบแล้ว โจทก์ชำระภาษีโรงเรือนและที่ดินดังกล่าวแล้ว
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์โจทก์ประการแรกว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้หรือไม่ เห็นว่า ตามหนังสือมอบอำนาจระบุว่าโจทก์มอบอำนาจให้นางสาวผุสดีเป็นผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีโรงเรือนและที่ดินในนามโจทก์…จนเสร็จการ โดยเฉพาะถ้อยคำที่ระบุว่า “…จนเสร็จการ” พอแปลความได้แล้วว่า นอกจากจะให้นางสาวผุสดีเป็นตัวแทนในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีโรงเรือนและที่ดินแทนโจทก์แล้ว ยังถือว่าให้มีอำนาจรวมไปถึงการยื่นคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ได้ด้วย จึงถือได้ว่าโจทก์ได้มอบฉันทะเป็นลายลักษณ์อักษรให้นางสาวผุสดีเป็นตัวแทนลงนามในคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2479 มาตรา 37 แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์โจทก์ฟังขึ้น…
พิพากษายกคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง ให้ศาลภาษีอากรกลางทำการสืบพยานโจทก์และพยานจำเลย แล้วมีคำพิพากษาในประเด็นอื่นใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลภาษีอากรกลางรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่

Share