คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 437/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคสอง ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิตนั้น แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพศาลยังต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 กรณีนี้จำเลยให้การปฏิเสธ ก็เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องหาพยานหลักฐานมาแสดงต่อศาลจนเป็นที่เชื่อว่าจำเลยได้กระทำผิด เมื่อศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานต่างๆของโจทก์ประกอบกับคำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยจนเป็นที่แน่ใจว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริง คำรับสารภาพของจำเลยจึงเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาลซึ่งถือเป็นเหตุบรรเทาโทษตามกฎหมาย และแม้จะเป็นคดีเกี่ยวกับเฮโรอีนซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษร้ายแรง จำเลยก็ยังสมควรได้รับประโยชน์จากเหตุบรรเทาโทษดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามและพวกอีก ๓ คนที่ตายและหลบหนีร่วมกันมีและจำหน่ายเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์อันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ สำนวนเพื่อจำหน่ายเป็นสารบริสุทธิ์ได้ ๒.๗๗๖ กิโลกรัม ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๗, ๑๕, ๖๖ และ ๑๐๒ กับริบเฮโรอีนของกลาง
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนของกลาง ให้ลงโทษประหารชีวิตและริบเฮโรอีนของกลางข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสามเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง จึงมีเหตุบรรเทาโทษ และพิพากษาแก้ลดโทษให้จำเลยทั้งสามคนละหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลยทั้งสามไว้ตลอดชีวิต
โจทก์ฎีกาว่า คำรับสารภาพของจำเลยทั้งสามในชั้นสอบสวนไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาและไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษ เพราะในชั้นพิจารณาของศาลจำเลยให้การปฏิเสธ โจทก์ต้องหาพยานหลักฐานมาแสดงต่อศาลจนศาลพิสูจน์ทราบความผิดของจำเลยขอให้ ลงโทษจำเลยทั้งสามดังคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๖๖ วรรคสอง ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพในชั้นศาล ศาลก็ยังต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๗๖ แต่เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธ ก็เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องหาพยานหลักฐานมาแสดงต่อศาลจนเป็นที่เชื่อว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง และในการพิจารณาคดีนี้ศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานต่าง ๆ ของโจทก์ประกอบกับคำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสามจนเป็นที่แน่ใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง คำรับสารภาพของจำเลยจึงเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาล ซึ่งถือเป็นเหตุบรรเทาโทษตามกฎหมายแม้จะเป็นคดีเกี่ยวกับเฮโรอีนซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษร้ายแรง จำเลยทั้งสองก็ยังสมควรได้รับประโยชน์จากเหตุบรรเทาโทษนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ลดโทษให้จำเลยทั้งสามคนละหนึ่งในสาม ศาลฎีกาเห็นฟ้องด้วย
ิพิพากษายืน.

Share